การทำ Social Control เป็นกระบวนการทางสังคมอย่างหนึ่งที่คนกลุ่มหนึ่งจะพยายามควบคุมบุคคลหรือกลุ่มคนให้ปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับตน ด้วยความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมบางอย่างเพื่อให้เป็นไปตามธรรมชาติ อยู่ในความสงบเรียบร้อย และเกิดความสงบสุข ซึ่งถ้าดูจากคำอธิบายแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ดูดีทีเดียว
แต่ Social Sanction เป็นพฤติกรรมในทางลบที่กลุ่มคนชุดหนึ่งพยายามหักล้าง หรือหักดิบแนวความคิดของบุคคลหรือกลุ่มคนด้วยวิธีการที่คุกคามทางร่างกายมากขึ้น เช่น การให้ร้าย, การขมขู่, การชิงเอาทรัพย์สิน, การทำร้ายร่างกาย, หรือการฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นในเมืองไทยหลายครั้งอาจจะสังเกตุเห็นว่าผลลัพธ์อยู่ในรูปแบบของ Social Sanction มากกว่าการเป็น Social Control
การฆ่าตัวตายของ Carolina Picchio เด็กหญิงวัย 14 ปีที่อิตาลี ที่กลุ่มสังคมออนไลน์ได้นำภาพที่น่าอับอายนำแสดงขึ้นบนอินเตอร์เน็ต ถือเป็นการกล่าวให้ร้าย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคสังคมและหน่วยงานราชการได้ไล่บี้และการนำเอาข้อความที่ไม่เหมาะสมออกในภายหลัง เดือดร้อนถึงบริษัท Facebook กันเลยทีเดียว
สำหรับในไทย ตัวอย่างที่เห็นผลประจักษ์ของ Social Sanction คือกรณีการทุบพระพรหมเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2006 ซึ่งทุกฝ่ายต่างยินยอมให้เรื่องการเสียชีวิตของผู้ทุบทำลายเป็นเรื่องที่แล้วก็แล้วไป ซึ่งเป็นการก่อความรุนแรงเพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ไม่พอใจ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายนั่นเอง
การจะให้ผู้คนมีความคิดในการทำ Social Control สำหรับคนไทยคงไม่ง่าย เพราะวัฒนธรรมและแนวความคิดของเรายังมีความเชื่อมั่นและศรัทธาอยู่เป็นตัวตั้ง ตราบใดที่เกิดการ "ขัดศรัทธา" แล้วคนกลุ่มใหญ่ยังมีความต้องการในการควบคุมไปในวิถีของตัวเองเท่านั้น คำตอบที่ง่ายและสั้นกว่าคือหักดิบกันไปเลยเพราะมันเป็น "ธรรมเนียมปฏิบัติ"
Written by Tiwakorn Laophulsuk
No comments:
Post a Comment
Give a comment ...