มาละ ตามที่บอกไว้เมื่อเย็น วันนี้ทวีตเรื่องความเชื่อต่างๆจากหนังสือ "คุณหมอฮะ! ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย" เรื่องน่ารู้ที่บางคนอาจเข้าใจผิด หนังสือเรื่องนี้พิมพ์โดยสนพ.วีเลิร์น ผู้เขียนคือ Aaron E. Carroll และ Rachel C. Vreeman ในชื่ออ.ว่า "Don't Swallow Your Gum!" ตีพิมพ์การค้นคว้าภายใต้ความเชื่อปรำปรา เช่น คนเราต้องดื่มน้ำวันละ 8 แก้วจริงหรือ? เราใช้สมองแค่ 10% เท่านั้นใช่หรือไม่? ไปจนถึงความเชื่อใกล้ตัวที่คุ้นเคย เช่น อากาศหนาวทำให้ไม่สบาย? กินตอนดึกๆทำให้อ้วน? วิตามินซีป้องกันไม่ให้เป็นหวัด? จริงๆมีความเชื่อใต้ร่มผ้าอื่นๆอีก แต่ถ้าสนใจขอแนะนำให้ไปซื้อหาอ่านเอาเองนะ หาได้ตามร้านหนังสือทั่วไปแล้ว ผู้เขียนมีความคิดว่า เรื่องความเข้าใจผิดเหล่านี้ ทำให้คนเราต้องเสียเวลา เสียสุขภาพจิต หรือบางครั้งอาจเสียชีวิตได้ ก็เลยเขียนตีแผ่ออกมา
เรื่องแรกก่อน ยิ่งถอนผมหงอก ยิ่งหงอกมากขึ้น เรื่องนี้ไม่จริง ผมงอกจากรูขุมขนเดียว การถอนออกไม่ได้ทำให้ผมใหม่งอกออกมา 2 เส้น ในขณะที่ผมที่ถูกถอนออกงอกขึ้นมาใหม่ เส้นอื่นๆก็จะเริ่มหงอก ก็เลยทำให้ดูเหมือนว่ามันเยอะขึ้นนั่นเอง ตัวการจริงๆก็คือ อายุของเราเอง
แล้วการอ่านหนังสือในที่แสงน้อย ทำให้ตาสั้นล่ะจริงไหม? ที่จริงมันแค่ทำให้ตาล้าอ้ะ ไม่มีรายงานไหนเลยที่บอกว่ามันทำให้ตาสั้นได้ ผู้เขียนยกตัวอย่างว่า สมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้กลับสายตาสั้นน้อยกว่าสมัยนี้ ซึ่งมีแหล่งให้แสงสว่างตอนกลางคืนเยอะกว่ามาก เป็นต้น
คนเราใช้สมองแค่ 10% จริงหรือ? มีนักพูดสร้างแรงบันดาลใจกล่าวเรื่องนี้ไว้เมื่อปี 1907 ทำให้คนเข้าใจผิดมานานถึงร้อยกว่าปี แต่ในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาบอกว่าคำกล่าวนี้ไม่จริง เพราะถ้าจริงหากสมองถูกทำลายไปบางส่วน ก็น่าจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเรา ความจริงแล้ว สมองของเรามีการทำงานทุกส่วนมีหน้าที่รับผิดชอบต่างกันไป หากส่วนใดถูกทำลายก็จะทำให้คนเราผิดปรกติถาวรได้ นอกจากนี้เมื่อทำ CT หรือ MRI scan ก็ไม่พบสมอง "90%" ส่วนใดที่ "ไม่ทำงาน" อย่างไรก็ดี การกระตุ้นสมองเสมอ ช่วยลดความจำเสื่อมได้เมื่อแก่ตัว
การกินวิตามินซี ช่วยป้องกันหวัดได้จริงหรือไม่? ในปี 1970 นักเคมีผู้ได้รับรางวัลโนเบล 2 ครั้งชื่อไลนัส พอลิง ก็คิดแบบนั้น เขาตรวจสอบงานวิจัยจำนวนมากแล้วจึงสรุปว่าวิตามินซีป้องกันหวัดได้ หากแต่สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยนั้น งานวิจัยงอกมาอีกเยอะแยะ โดยสรุปก็คือถ้าคุณไม่ได้เครียดจัดหรืออยู่ในที่ๆหนาวจัดมากๆ การกินวิตามินซีไม่ได้ช่วยป้องกันหรือบรรเทาอาการหวัดได้เลย อย่าไปกังวล
มาแระเรื่องน้ำ 8 แก้ว เรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปี 1945 โดยคณะกรรมการอาหารและโภชนาการ สภาวิจัยแห่งชาติ สหรัฐฯ ประกาศว่าควรกินน้ำวันละ 2.5 ลิตร (น้ำ 2.5 ลิตร = น้ำประมาณ 8 แก้ว) อย่างไรก็ดียังมีแนบท้ายประกาศว่า น้ำส่วนใหญ่ที่เราต้องการ "มีอยู่ในอาหาร" ที่รับประทานทุกวันอยู่แล้ว เมื่อสืบค้นลงไปไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆที่ระบุว่าเราต้องดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ตรงกันข้ามการดื่มน้ำมากจนเกินไปทำให้เกิดอันตรายได้ เมื่อคนเราดื่มน้ำมากเกินไปจะเกิดอาการภาวะน้ำเป็นพิษ (water intoxication) น้ำมากทำให้ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ จนสมองบวมและตายได้ อะไรๆที่มากไปมันก็ไม่ดีใช่ป่าว?
ต่ออีกซัก 2 เรื่องนะ ที่เหลือไปหาหนังสืออ่านเอานะครับ เล่มไม่หนา อ่านแป๊ปเดียวก็จบ :)
มีการทดลองว่าการป่วยเป็นหวัดสัมพันธ์กับอากาศหนาวหรือไม่ โดยการเอาไวรัสใส่เข้าไปในจมูก แล้วให้บางคนในกลุ่มทดลองอยู่ในที่เย็น ปรากฏว่าไม่เกี่ยวกันเลย คนที่รู้สึกหนาว ไม่ได้เป็นหวัดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีสันนิษฐานว่า อากาศหนาวทำให้คนเราอยู่รวมกันในบ้าน หวัดเลยแพร่ง่ายกว่า ดังนั้นหนาวเมื่อไร ออกไปแรดกันเถอะพวกเรา อิอิ :p
การเป็นภูมิแพ้ ไม่ได้เกี่ยวกับการเลี้ยงหมาขนสั้นหรือยาว ปัญหานี้เกิดจาก รังแค และ น้ำลาย ของสุนัข ที่มีโปรตีนทำให้เกิดภูมิแพ้ต่างหาก
เรื่องสุดท้ายละ คนเรากินดึกแล้วจะอ้วน จริงหรือไม่? มีนักควบคุมน้ำหนักมากมายเชื่อว่าการกินตอนดึกทำให้ไม่มีเวลาเผาผลาญ หรือกระบวนการช้าลง มีงานวิจัยคนไข้ 2,500 คนพบว่าเวลาที่กินอาหารไม่เกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น/ลดลงของพวกเขาเลย แต่ปริมาณแคลฯที่รับเข้าไปต่างหากที่มีผล คนที่กินบ่อย รับแคลเลอรี่เข้าไปเยอะกว่าที่ใช้ จะมีน้ำหนักตัวมากกว่า ส่วนใหญ่มักเป็นมื้อกลางวัน บ่าย เย็น ดึก มันเลยดูเหมือนเกี่ยว อย่างไรก็ดี คนที่กินอาหารมื้อเช้าทุกวัน มีแนวโน้มจะควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่า เพราะมีแนวโน้มจะกินในปริมาณที่เท่ากันทุกมื้อ ไม่ทานมากเกินไป ดังนั้นสรุปว่า ไม่ว่าจะทานกี่โมงกี่ยามก็ตาม ถ้าทานน้อยกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญได้หมด น้ำหนักก็จะลดลงเรื่อยๆ สาวๆฟังไว้นะ ;)
เรื่องมันก็จบลงด้วยประการชะนี้
All Collected Tweet from @meekob (Suwitcha Chandhorn)