ตักน้ำส้วมศักดิ์สิทธิ์ |
อินเตอร์เน็ตในยุค 2013 มีเครื่องมือในการจัดการนำเสนอที่ง่าย แต่สิ่งที่ไม่ควรจะเปลี่ยนไปคือวิจารณญาณและความคิดพิจารณาในสื่อ ทั้งที่เรารู้ว่าสื่อบนอินเตอร์เน็ตควรใช้ความระมัดระวังอีกทั้งต้องใช้ดุลยพินิจมาก ในความเป็นจริงกลับคนจำนวนมาก (บางทีก็เป็นแสนคน) กลับไม่ได้คิดอย่างงั้น ต่างก็กด like กด share กันไป พอมีคนยกเหตุคัดค้านผลบนสิ่งที่ตนเองเชื่อแบบมีหลักการ กลับย้อนด้วยวลีเด็ดๆว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"
ภาพประชดประชัน fanpage "ทำเป็นรับไม่ได้" เหตุเพราะคนไทยชอบไหว้ในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ |
ถ้าภูมิใจของความเป็นไทย และความเป็นพุทธ ผมชอบเนื้อหาสาระของผู้ที่ Comment ไว้ใน Facebook ท่านหนึ่ง อธิบายได้ชัดเจนกระจ่างดี
คำว่า "ต้องศึกษาให้รู้ก่อน" ถึงวิจารณ์ได้พูดได้ ที่ศาสนิกทั้งหลายและผู้งมงายชอบอ้าง ผมว่ามันแปลกๆและเป็นเรื่องเหลวไหลที่สุด ไม่งั้นเราคงพูดถึงอะไรไม่ได้เลย เราไม่ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งหรอกครับที่จะรู้ว่าจอมปลวกยักษ์และไส้กรอกแมวไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับพุทธรูป น้ำมนต์ พระเครื่อง และของจอมปลอมอื่นๆ ที่บอกพระพุทธรูป และพระเครื่องเป็นสิ่งจอมปลอมย่อมมีเหตุผล ผมไม่ใช่ชาวพุทธ ผมอ้างจากแหล่งของชาวพุทธเลยละกันจะได้เห็นชัดว่าทำไมผมจึงคิดว่าพุทธรูป รูปเคารพ และพระเครื่องเป็นสิ่งจอมปลอม พระไตรปิฏก เล่ม66หน้า153 "รูปทั้งหลายไม่ควรยึดเป็นที่พึ่ง"เล่ม 42 หน้า 346 "บุคคลอาศัยสรณะนั่น ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้" เล่ม 32 หน้า 214 "รูปเหมือนพุทธเจ้าไม่มี" สรุปคือ พระไตรปิฏกบอกว่า รูปเหมือนพุทธเจ้าไม่มี รูปทั้งหลายไม่ควรยึดเป็นที่พึ่ง บุคคลใดอาศัยรูปนั้นเป็นที่พึ่งย่อมไม่อาจพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ แม้จะอ้างว่าเหตุใดก็ตาม เช่นทำไปเพราะเคารพในความดี หรือ ทำเพราะลดทิฐิ มีวิธีอื่นให้กระทำตั้งเยอะ ส่วนมนุษย์ที่ไม่เคยได้ยินคำสอนของพุทธองค์เลย แล้วยังมีชีวิตที่ดีมีคุณค่าไม่ได้หน้ามืดตาบอดนั้น มีแน่นอน บุคคลต่างศาสนาทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งไม่มีศาสนาทั้งหลาย ที่ใช้ชีวิตอย่างดี บริจาคเงิน ทำการกุศล มีเยอะมาก -- Waranawongsatorn Rungroeng 22-Mar-2013หลังจากวันนี้จะเป็นการดีกว่าไหมที่กลุ่มคนบนอินเตอร์เน็ตจะมอบความรู้ให้แก่ผู้ที่ไม่รู้ผ่านช่องทางที่เหมาะสม เพราะถ้ามัวมาด่ากันเพราะความเชื่อก็เป็นเรื่องที่ไม่รู้จบ, ผู้ประกอบธุรกิจก็ไม่ควรนำเอาสื่อที่จะเกิดความงมงายมาเผยแพร่ให้ผู้อื่นเชื่อไปแบบผิดๆ เพราะตัวผู้นำเสนอสื่อนั่นเองคือผู้ที่จะให้ความรู้ได้ อีกทั้งผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตเองควรใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อทำให้เกิดความรู้ ไม่ใช่เอาไว้ส่งต่อเรื่องผิดๆเช่นปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดที่ใครบอก แต่เกิดที่ตัวเราเอง
Written by Tiwakorn Laophulsuk
No comments:
Post a Comment
Give a comment ...