ไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้า Office พี่เจ้าของร้านข้าวแกงใกล้ๆกัน ได้โทรเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกพอควร เพราะปกติร้านข้าวแกงจะเปิดตอนค่ำ แต่เสียงในโทรศัพท์ได้มีน้ำเสียงอย่างเป็นกังวลชัดเจนว่า "น้องจุ่นมาช่วยดูผู้ชายที่หน้าร้านพี่หน่อยสิ ว่าช่วยเขาได้หรือเปล่า เพราะถามเรื่องอะไรเขาก็ไม่พูด ไม่รู้เค้าเป็นอะไร" ด้วยเราเป็นลูกค้าร้านข้าวแกงขาประจำก็ตอบรับและอาสาเดินลงไปดูทันที
พี่ชายที่หลงมา (Credit: Twitpic @hohoteam ) |
"พี่เห็นเค้านั่งมาตั้งแต่ 6 โมงเช้าแล้ว ก็ไม่ไปไหนซักที" พี่น้อยเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่พบ คาดกันว่าพี่ผู้ชายคนนี้น่าจะนั่งอยู่หน้าร้านมาตั้งแต่ก่อนสว่างซะอีก แต่บังเอิญมาพบเพราะร้านข้าวแกงของพี่น้อยต้องเปิดรับของส่งตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อรอทำอาหารขายในตอนเย็นของแต่ละวัน
ผมจึงนั่งลงข้างๆเค้า และคำแรกที่ผมได้ถามคือว่า "พี่อยู่แถวนี้รึเปล่า"
คำตอบคือ "ไม่ทราบครับ แต่ผมอยู่ตรงนี้แหละครับ"
อ้าว ตอบมาแบบนี้ก็งงน่ะสิครับพี่ บ้านพี่จะอยู่ตรงนี้ได้ไง?
จากความพยายามในการสนทนารอบแรก เราคิดในใจทันทีเลยว่าพี่ชายคนนี้มีปัญหาทางสมองแล้วล่ะ แต่ใจความที่มีคือ เขามีพ่อแม่อยู่จังหวัดอุทัยธานี ส่วนตัวเขาเองตอนนี้ตอบไม่ได้เลยว่าชื่ออะไร, บ้านอยู่ไหน, มาตรงนี้ได้ยังไง แต่ทุกคำพูดของพี่เขาต้องบอกเลยว่า เป็นคนที่มีบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เพราะทุกครั้งที่คุยเขาจะตอบ "ครับผม", "ไม่แน่ใจครับ" โดยตลอด การแสดงออกเห็นชัดว่าเกรงใจทุกๆคนรอบข้างอย่างมาก เพียงแค่พี่เขาไม่สามารถจะพาตัวเองจำเรื่องต่างๆ และออกไปจากตรงนี้ได้
ผมเลยกลับไป Office และแจ้งให้แต่ละคนทราบ ซึ่งทั้งพี่อุ๊ (MD บจก.โธธ มีเดีย ตอนนั้น), และเพื่อนๆกรรมการก็เห็นด้วยว่าเหตุการณ์นี้น่าจะให้ความช่วยเหลือ แม้ว่าละแวกแถวซอยลาดพร้าว 24 จะมีพวกมิจฉาชีพอยู่เยอะ บางทีก็ชอบมาทำตัวแปลกๆ เพื่อขอเงินบ้าง หรือมาดูลาดเลาในการขโมยข้าวของบ้าง แต่ไม่ยักกะเคยเจอคนแกล้งจำอะไรไม่ได้นั่งอยู่ทีละ 6-7 ชั่วโมงแบบนี้ ทำให้สรุปกันว่าพี่เขาคงไม่แกล้งมาหลอกเอาเงินหรอกมั้ง
เมื่อลงไปอีกครั้งพี่น้อยที่ร้านข้าวแกงก็ให้ความสนใจว่าเขาพูดอะไรหรือยัง ซึ่งพี่น้อยเขาก็ดีใจกับเราด้วยเพราะถามมาตั้งชั่วโมงแต่พี่ผู้ชายเขาก็ไม่ยอมตอบ ซึ่งเราเองเป็นคนแรกที่ไปนั่งด้วยที่พี่เขายอมพูดอะไรด้วย ในรอบนี้เราเลยขอตรวจดูตัวเขาว่ามีอะไรติดมาบ้าง ซึ่งไม่มีเลยทั้งกระเป๋าสตางค์, บัตรประชาชน, แม้แต่ปากกาหรือกระดาษติดตัวอะไรก็ไม่มี ด้วยการที่ไม่มีข้อมูลเลยโทรไปที่ สวพ.91 เพื่อเล่าเหตุการณ์และแจ้งข้อมูลให้ฟัง
ผ่านไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมา เหมือนพี่เขาก็จะจำได้มากขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ เช่น ตอนรู้สึกตัวขึ้นมายังมืดอยู่, หรือจำได้ว่าตนเองอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดที่อุทัยธานี, และจำชื่อสุถานที่ทำงานที่ห้วยขวางมาชื่อนึง เราเอาไป Search google แล้วพยายามติดต่อ แต่ตอนนั้นก็ติดต่อไม่ได้ จะถามเรื่องเบอร์โทรหรือชื่อเพื่อนก็ยิ่งจำไม่ได้อีก จำชื่อตัวเองก็ยังไม่ได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแวะมา ก็ได้ทำการค้นตัวอีกรอบหนึ่ง ซึ่งมีทั้งการถลกแบนเสื้อหรือดูตามลำตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่เลยให้ข้อมูลกับเราว่า เขาน่าจะโดนมอมยามาอย่างแรง
แถมเกร็ดความรู้:ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เลยแจ้งกับ สน. ว่ามาตรวจที่เกิดเหตุแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ขอผ่านทางเราให้พี่เขาอยู่บริเวณนี้ไปก่อน โดยจะประสานรถของ สน. หรือกู้ภัยมามารับ แต่ด้วยเวลาจำกัดและอาชญากรรมชุกชุมในละแวกนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องไปที่อื่นต่ออย่างเสียไม่ได้
การเกิดสภาวะความจำเสื่อมชั่วคราวกรณีที่ใช้ยาสามารถเกิดขึ้นได้ เช่น กลุ่มยาลดความเครียด, กลุ่มยารักษาระบบประสาท, ยานอนหลับ, และยาแก้ปวดบางประเภท และยังมีกลุ่มยาที่ผิดกฎหมายอีกหลายตัวที่ทำให้เกิดสภาวะความจำเสื่อมชั่วคราวได้
แต่ด้วยยาหมดฤทธิ์หรืออย่างไรไม่ทราบ พี่เขาได้พูดออกมาลอยๆว่า เขาอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งแถวห้วยขวางกับเพื่อนที่เป็น Roommate อีก 1 คน เมื่อรู้แบบนี้แล้วเราจึงไม่รอช้า เลยโทรขอเร่งเจ้าหน้าที่จาก สวพ.91 อีกที ซึ่งใช้เวลาพักใหญ่ๆเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เดินทางมา เมื่อยืนยันกับกู้ภัยแล้วว่าชื่อหอพักที่ว่านั้นมีจริงๆแต่รายละเอียดเลขห้องยังไม่ทราบ อีกทั้งไม่รู้ว่า Roommate ชื่ออะไร เลยตัดสินใจว่าให้พี่เขาเดินทางไปกับกู้ภัย และจะไปให้ รปภ.หอพักว่ารู้จักพี่คนนี้หรือเปล่า
ในตอนแรกๆ พี่เขาก็ยังไม่ยอมไป โดยบอกว่าจะขออยู่ที่นี่ แต่เราเองก็ช่วยบอกว่าถ้าอยู่ตรงนี้จะไม่มีคนอยู่ดูแลกับเขาต่อ ถ้ายังไงให้ติดไปกับกู้ภัยจะปลอดภัยกว่า เพราะอย่างน้อยถ้าไม่เจอห้องพักจริงๆ ก็จะให้ไปพักที่มูลนิธิฯนั้นไปก่อนได้จะได้มีอะไรให้ทานบ้าง ก็เลยยอมจำใจขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปอย่างเสียไม่ได้
แม้ว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องกันตลอดทั้งวัน แต่สิ่งที่รู้ก็คือทุกคนที่อยู่ตรงจุดนั้น ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อยร้านข้าวแกง, คุณป้าใจดีที่เอารองเท้าแตะมาให้, เพื่อนๆใน โธธ มีเดีย รวมไปถึงหน่วยงานอิสระอย่าง สวพ.91 ที่ช่วยประสานเอากู้ภัยมารับ ต่างลุ้นเอาใจช่วยว่าจะหาหนทางให้พี่เค้าไปส่งถึงบ้านไหมและปลอดภัยหรือไม่
พระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าช่วงเย็นของกรุงเทพฯเวลานั้นมืดลงอย่างรวดเร็ว ไฟถนนสาธารณะส่องสว่างบนถนนลาดพร้าวที่มีการจราจรคับคั่ง ตอนนั้นคือเวลา 18.30 น. รถจักรยานยนต์ของกู้ภัยได้ขับออกไป พร้อมกับซ้อนผู้ชายคนหนึ่งที่ผมยังไม่รู้จักชื่อของเขา ซึ่งเราได้ช่วยให้เขาเดินทางต่อไปพร้อมกับความหวังที่ว่า จะมีคนที่ปลายทางที่เป็นแบบพวกเราเดียวกันนี้ได้ช่วยให้เขาได้กลับถึงที่บ้านอย่างปลอดภัย
ด้วยความยินดีที่ได้พบแต่ไม่รู้จักครับ
Written by Tiwakorn Laophulsuk
No comments:
Post a Comment
Give a comment ...