29 June 2013

Location Services บน Wifi รู้ได้ไงว่าเราอยู่ไหน?

Example maps position
using location service
on Smartphone
สำหรับผู้ใช้ Smartphone หนึ่งในบริการที่สำคัญตัวหนึ่งนอกใช้โทร, Social Media ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของ Maps สำหรับในค่ายผู้ผลิตแต่ละเจ้า ต่างก็ต้องพ่วงบริการของ Maps เอาไว้อยู่ด้วยเสมอ เพราะอุปกรณ์สมัยนี้ไหนจะ A-GPS, GPS ได้มาอยู่ในมือของผู้ใช้งานทั่วๆไปกันมากแล้ว

บริการตัวหนึ่งที่อยู่ในมือถือของแต่ละท่านนั้น คนที่เคยเห็นตัวเลือก Location Services คงพอเดาได้ว่าบริการตัวนี้ต้องเอาไว้ทำอะไรกับตำแหน่งของเราแน่ๆ ซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะ Location Services เป็นบริการพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนโปรแกรมต่างๆบนมือถือ ที่ช่วยสามารถให้เรา Check-in หรือ บอกตำแหน่งได้ ซึ่งโปรแกรม Social Media บนมือถือทุกอันก็ต้องเขียนเพื่อรองรับทั้งสิ้น (เพราะถ้าไม่เขียน ผู้ใช้ก็ request เพื่อให้มีอยู่ดี)

การบอกตำแหน่งที่เรารู้จักดีและมีความแม่นที่สุด คงหนีไม่พ้นการใช้ GPS ซึ่งทุกคนคุ้นเคยและได้ยินชื่อกันมาเป็นอย่างดี แต่ก็ใช่ว่าเครื่องโทรศัพท์หรือ Tablet รุ่นก่อนหน้านี้จะมี GPS ไปซะทั้งหมด อีกทั้ง GPS จะใช้ได้เฉพาะพื้นที่เปิดโล่งมองเห็นท้องฟ้าเท่านั้น พอเข้ามาในอาคารก็เป็นอันจบกัน

อีกวิธีการหนึ่งคือการบอกตำแหน่งที่ใช้ใช้ Data Network ซึ่งผู้ให้บริการจะสามารถระบุตำแหน่งของเครื่องโดยการตรวจสอบว่า เครื่องมือถือตัวนี้อยู่กับ Cell site ตัวไหน ถ้าเราเคยดูหนัง Action ตำรวจจะทำการหาตำแหน่งของผู้ที่สนใจโดยใช้หลักการหาตำแหน่งในจุดตัดสามเหลี่ยม หรือเรียกว่า Triangulate ซึ่งจะมีความแม่นยำมาก แต่ต้องใช้ Cell site ของผู้ให้บริการในการตรวจสอบถึง 3 เสาขึ้นไป การทำงานลักษณะนี้ สามารถใช้งานได้เฉพาะจากผู้ให้บริการระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
การทำ Traiangulate จากผู้ให้บริการระบบเครือข่ายโทรศัพท์
[Images Cr. from searchengineland.com by Chris Silver Smith]

แต่ระบบการหาตำแหน่งโดยใช้ Cell Site ของมือถือเราๆท่านๆ ใช้วิธีการหาซับซ้อนน้อยกว่านั้น กล่าวคือ ถ้าการหาตำแหน่งของเครื่อตนเองผ่าน Data Network จะใช้ตำแหน่งจาก Cell site ที่เราอยู่เท่านั้น ไม่ได้มีการทำ Triangulate แต่อย่างใด

การกำหนด Position ที่ Smartphone ใช้โดยทั่วไป ใช้ข้อมูลจาก Cell site เพียง Cell เดียว
[Images Cr. from searchengineland.com by Chris Silver Smith]
จุดสำคัญอยู่ที่ตรงการใช้ Wifi ก็สามารถบอกตำแหน่งเราได้ แต่เอ๊ะ คิดๆดูแล้ว Wifi จะทำได้อย่างไร เพราะ internet มีแค่ IP address ก็แค่นั้น และตัวอุปกรณ์เองของระบบเครือข่ายก็ไม่ได้มีความสามารถในการจะเก็บพิกัดด้านภูมิศาสตร์อะไรได้ แต่หลายครั้ง เมื่อเราใช้งานผ่าน Wifi กลับมีความแม่นยำของตำแหน่งที่ตั้ง ดีกว่าการใช้ Data Network ของระบบมือถือเสียอีก
Google latitude application
using benefit of location services

ความลับอยู่ที่บริการ Location Services นี่เอง ซึ่งทุกๆครั้งที่มือถือแต่ละคน มีการเปิดใช้ GPS, หรือ Data Network พร้อมกับ Wifi ตัวบริการของ Location Services จะทำการ Scan หา MAC address ที่อยู่ใกล้เคียง และส่งข้อมูลกลับไปที่ Server ของผู้ผลิตระบบปฏิบัติการของมือถือนั้นๆ นั่นหมายความว่า ยิ่งมีคนใช้ Wifi ร่วมบริการที่บอกตำแหน่งมากเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความแม่นยำให้กับฐานข้อมูลมากเท่านั้น
เกร็ดเล็กๆน้อยๆ
ปัญหาข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นกับ Google Street View ที่มีผู้ร้องเรียนว่า ละเมิดสิทธิของผู้้ใช้งานโดยมีการ Scan SSID และตรวจวิธีการเข้ารหัสนั้น ภายหลัง Google ได้ปฏิเสธการละเมิดสิทธิ แต่ข้อมูลนั้นเป็นเพียงการเก็บตำแหน่งของ Wifi Access Point เท่านั้น ซึ่งเราๆท่านๆก็อาจจะได้อานิสงค์จากการเก็บข้อมูลนี้กันไปบ้างแล้ว
แต่ Wifi บางตัวที่มีระบบการรักษาความปลอดภัย ทำไมถึงยังรู้ว่าอยู่ตรงไหน ก็เพราะว่าการเก็บข้อมูลนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปใช้งานใน Access Point ตัวนั้นก็ได้ แค่เห็นสัญญาณ และรหัสประจำตัวเครื่อง (ซึ่งตัว Access Point จะประกาศ MAC ตัวเองมาอยู่แล้ว) ก็เพียงพอแล้วที่จะนำเอา Acccess Point นั้นไปเก็บในฐานข้อมูล อีกทั้งทุกคนมีสมมติฐานอยู่แล้วว่า การใช้ Wifi จะมีขอบเขตของพื้นที่ให้บริการที่จำกัด การที่เรามองเห็นสัญญาณ Wifi นั้นมีความชัดเจนเพียงพอที่จะบอกว่า เราอยู่ในรัศมีไม่เกิน 20 เมตรจากตัว Access Point ซึ่งความแม่นยำกลับได้เพิ่มขึ้นเพราะสัญญาณส่งที่ไม่แรงนั่นเอง

ถ้าท่านมี Router ที่มี Wifi ที่บ้าน ก็ต้องทำใจรับเสียว่า ข้อมูล Router ของเราคงไปอยู่กับ Google, Apple และ Microsoft ไปซะแล้ว คราวหน้าถ้าจะ Check-in ลองเปิด Wifi ขึ้นมาแบบลอยๆร่วมด้วย อาจจะได้ตำแหน่งที่อยู่ของตัวเองแม่นยำขึ้น แต่ก็อย่าลืมเรื่องข้อมูลส่วนตัวที่เราจะต้อง Share ออกไปยังโลก Online ด้วยตามเงื่อนไขการใช้งาน

Written by Tiwakorn Laophulsuk
Reference

No comments:

Post a Comment

Give a comment ...