Showing posts with label Science. Show all posts
Showing posts with label Science. Show all posts

10 June 2016

James Webb Telescope รอเปิดตัวกล้องอวกาศตัวใหม่

หลังจากยุคเริ่มต้นของการพัฒนากล้องอวกาศ (Space Telescope) โครงการกล้องโทรทัศน์อวกาศ Hubble เป็นโครงการแรกๆที่ทำให้มนุษย์ได้มองเห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติในห้วงอวกาศได้มากขึ้นแบบเปลี่ยนโลกกันไปเลย

การพัฒนากล้องอวกาศจึงได้ต่อยอดไปในด้านอื่นๆที่มีความหลากหลาย และมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันมากขึ้น เช่น กล้องอวกาศ Spitzer ที่มองห้วงอวกาศในย่ายความถี่ Infrared, กล้องอวกาศ Kepler ใช้สำหรับมองวัตถุที่โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงอื่น, หรือกล้องอวกาศ Chandra ใช้สำหรับมองอวกาศในย่านความถี่ X-Ray

ในระยะเวลาอันสั้นนี้ กล้องอวกาศตัวใหม่ชื่อ เจมส์ เว็บ (James Webb Space Telescope) จะถูกปล่อยตัวเพื่อเป็นผู้มองอวกาศตัวใหม่ ซึ่งเป้าหมายหลักของ JWST คือ มองอวกาศให้ลึกกว่ากล้องอวกาศตัวอื่นๆ เพื่อจะให้เห็นจุดกำเนิดก่อนที่จะเกิดกาแลคซี โดยในทางทฤษฏีเชื่อว่า วัตถุจะมีคลื่นความถี่ Infrared ก่อนที่จะเกิดแสงที่มองเห็นได้เหมือนดวงดาวในทุกวันนี้

ความแตกต่างของภาพที่ตรวจจับด้วย Visible Light (แสงที่มนุษย์เห็น:ภาพบน) และ Infrared (ล่าง)
James Web Space Telescope (JWST) จะเป็นกล้องอวกาศที่เน้นการมองวัตถุในท้องฟ้าในย่านความถี่ Infrared ซึ่งเปรียบเทียบเหมือนกับกล้อง Spitezer (ของ Nasa) และ Herchel (ของ ESA โดยยุโรป) แต่จุดที่แตกต่างกันอย่างมากคือ พื้นที่รับภาพที่ JWST มีพื้นที่กระจกกว้าง 4.5 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าของ Hubble ที่มีขนาดพื้นที่กระจกรับภาพเพียง 2.4 ตารางเมตร

ขนาดเปรียบเทียบหน้าตัดกระจกรับแสง
ของกล้องอวกาศ 3 ตัว JWST ใหญ่สุดที่ 6.5m

06 May 2016

I'm Leaving World Community Grid (Computing).

Grid Computing [Src: HowStuff Work]
Since first time I have joined CPU donation program. The first entry projects for my donation dedicate to SETI@home. The projects has process to find series of FFT signature from far outer space. That program has introduce me the power of Personal Computer has far more power and easily beating to just one single super computer.

Around 2002 I have saw BBS community introduce new distributed computing newcomer as United Device. The major finding is protein target for cancer that help me easily to switch from alien radio to find drugs research program. until UD has changed to grid.org and had take over by private sector. The results were push me to move on to the World Community grid with IBM.

World Community Grid has been running well with BOINC for almost 5 years. The recent major change has cause most of my Linux cruncher stop working with incompatible SSL library that I have lost 5 of my PC not able to join this projects. This maybe lot effect to the others that we can see that in middle of 2014 the return results of work unit has dropped from 2 millions result to 1 millions. the few later increase last year in 2015 with average 420 years computing time per day.

So I create the list of interesting CPU donation projects for whom may encounter with the same my situation.

1) Folding@home, you can leave BOINC behind and support both Windows and Linux platform, for Linux you may need root privilege to install. This project can donate your GPU power to crunch to find stable proteins structure. The results allow to find cure for complex disease.

2) Distributed.net this maybe the first distributed computing project in this planet and still running. The program has very simple user interface on menu selection and configuration with same user experience on Windows, MAC, and Linux machine. You facing very user privilege issues. And important things, this application take very less memory usage. The core objective of project re to proven optimized mathematics model and decoding cipher encryption algorithm.

This articles only for the reviewing, for whom you already join distributed computing in any projects just feel happy to crunching and make CPU to change the world.

Mr.JingJun

16 April 2016

Hyperloop อนาคตหรือแค่ฝันการเดินทางความเร็วสูง?


ช่วงปีที่ผ่านมาบางท่านคงเห็นข่าวของโครงการ SpaceX ปะปนกับการแข่งขันการออกแบบอากาศยานในการบริการลูกค้าทั่วไปในการไปเที่ยวอวกาศ แต่ในข่าวที่ปนๆกันอยู่มีเรื่องของ Hyperloop อยู่ด้วย

Elon Musk
Elon Musk เป็นผู้ให้แนวคิดการทำ Hyperloop ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท SpaceX ที่เป็นบริษัทเอกชนที่สามารถใช้เทคโนโลยีจรวดในกิจการที่เกี่ยวกับอวกาศได้ โดยแนวคิดของ Hyperloop ได้ถูกปล่อยให้เป็น Open Source ที่ให้บุคคลทั่วไปดูแนวคิดและพัฒนาต่อได้

แนวคิดของการเดินทางความเร็วสูง ในปัจจุบันมีการใช้เครื่องบิน, รถไฟความเร็วสูง, หรือรถไฟ Maglev แต่ด้วยแนวคิดของ Hyperloop เป็นการคิดใหม่โดยประยุกต์หลักการของท่อลมในการจัดส่งเอกสารตามสำนักงาน รวมกับรถไฟฟ้าแบบยกตัวจากผิวทาง (Maglev) ซึ่งแนวคิดในการออกแบบจะทำให้ตัวรถมีความเร็วสูงสุดได้ถึง 1200 km/h เลยทีเดียว

หลักการออกแบบตัวรถของ Hyperloop เป็นการเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงเสียดทานในทุกด้าน เพราะรถไฟความเร็วสูงที่ยังใช้ล้อและราง ก็ยังเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มขีดจำกัดของความเร็วอยู่ดี ดังนั้น การออกแบบจึงใช้แนวคิดของรถไฟฟ้า Maglev ที่ตัวรถไม่ได้ติดอยู่กับพื้นราง โดยใช้แรงดันอากาศผลักดันให้ตัวพาหนะลอยตัวได้อยู่บนผิวราง

09 March 2015

หนึ่งขวบปริศนา MH370

ครบ 1 ปี ของการหายไปเครื่องบินมาเลเซีย Flight MH370 หากใครที่ยังติดตามข่าวตั้งแต่วันแรกก็คงคิดเหมือนกันว่าจากการหายของเครื่องที่ดูเป็นอุบัติเหตุธรรมดากลายไปเป็นการหายไปของเครื่องบินที่มีมูลค่าในการค้นหาสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์โลก และจนถึงวันนี้การค้นหาก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะคำตอบอยู่ยังอยู่ในตัวเครื่องที่ต้องหาให้เจอนี่แหละ

MH370 flight path derived from primary and secondary radar data [Image source: Andrew Heneen]
ความพยายามในค้นหาเครื่อง MH370 ได้ถูกตัดสินใจโดยอ้างอิงข้อมูลที่เชื่อถือได้มากที่สุดเป็นตัวตั้ง แม้ว่าจะมีทฤษฏีมากมายที่บุคคลทั่วไปหรือสื่อสารมวลชลพยายามเติมเข้ามาถึงความเป็นไปได้ แต่ทั้งหมดซึ่งทุกฝ่ายก็พยายามใช้ข้อมูลที่ดีที่สุดในการประเมินแล้ว คำถามที่เกิดในลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญที่มีคำตอบแล้ว มีดังนี้

ขาดการติดต่อที่นำไปสู่การหายไป
การหายไปของเครื่อง MH370 เกิดขึ้นในจังหวะรอยต่อการเปลี่ยนพื้นที่ติดต่อ ATC (Air Traffic Control) ในการบินของเครื่องจะต้องผ่าน Way-point ของเส้นทางการบิน ซึ่งหลังจากการยืนยันระดับความสูงและฟังข้อมูลของความถี่วิทยุที่จะส่งต่อไปยังความถี่ 120.9MHz ของศูนย์ควบคุมการบินเวียดนามแล้ว กลายเป็นการติดต่อทางวิทยุครั้งสุดท้าย ที่เวลา 1.19 น. ของวันที่ 9 มีนาคม ตามเวลาของมาเลเซีย

เครื่องบินถูกปิดอุปกรณ์ Transponder
เวลา 1.21 น. หรือประมาณสามนาทีให้หลังจากการติดต่อทางวิทยุ สถานี Secondary Radar ไม่สามารถจับสัญญาณจาก MH370 ได้ โดยสถานะล่าสุดของสัญญาณระบุว่ายังบินด้วยความเร็วปกติที่ 872 km/h แล้วความสูงปกติที่ 35,000 feet หรือเรียกสถานะการบินนี้ว่า Cruising Altitude

ความพยายามในการติดต่อสื่อสาร
หลังจาก 7 นาทีจากการติดต่อทางวิทยุ ที่ศูนย์สื่อสาร ATC ของเวียดนามไม่สามารถติดต่อกับเครื่องบินทางวิทยุได้ จึงได้ทำการขอไปยังเครื่องบินที่อยู่ใกล้คือเที่ยวบิน MH386 ทำการเรียกผ่านช่องวิทยุฉุกเฉินในเวลา 1.30 น. แต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ ศูนย์วิทยุการบินได้ทำการประสานไปยังศูนย์ควบคุมเดินอากาศของกัมพูชาที่ยืนยันว่าไม่มีการติดต่อเข้ามาของ MH370 จนกระทั่งเวลา 5.19 น. ทางศูนย์มาเลยเซียได้ทดลองให้ศูนย์เวียดนามประสานไปยังประเทศจีน รวมไปถึงศูนย์วิทยุการบินสิงคโปร์ได้ทำข้อมูลสอบถามเข้ามายังมาเลเซีย จึงได้ข้อสรุปว่า เที่ยวบิน MH370 ไม่ได้ข้ามเขตการเดินอากาศของประเทศมาเลเซียไปที่ใดเลย อีกทั้งในเวลา 2.39 น. และเวลา 7.13 น. ก็มีการใช้โทรศัพท์ดาวเทียมโทรเข้าไปหาห้องนักบินของเที่ยวบิน MH370 แต่ก็ไม่มีการรับสายเช่นกัน

27 May 2014

ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ไม่ใช่จะบินไปได้ทุกที่

กรณีของ MH370 ที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 นั้น นอกจากจะเป็นกรณีการสูญหายแห่งศตวรรศแล้วการเข้าใจข้อมูลข่าวสารก็ต้องใช้ความรู้มากตามไปด้วย แต่ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจที่บุคคลทั่วไปสามารถรับรู้ได้ก็คือเรื่องของเส้นทางการบิน

Multiple flight in rows [Flightradar24.com]

ในความเข้าใจของเรา การที่นักบินขึ้นบินแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ใช้เฉพาะการบินผาดโผนหรือเครื่องบินรบ ที่ใช้การมองด้วยสายตานักบินเป็นหลัก ซึ่งจะอยู่ในกฎของ Visual Flight Rules (VFR) ซึ่งในพื้นที่การบินพาณิชย์บางพื้นที่จะไม่อนุญาตให้ใช้ VFR ในเวลาปกติ นอกจากการบินโชว์ถึงจะมีการกำหนดกันเป็นครั้งๆ

แต่ในเที่ยวบินพาณิชย์ทุกวันนี้ ในการกำหนดเที่ยวบินในแต่ละครั้งจะมีขั้นตอนมากมายกว่าจะได้มีการบินที่เรียบร้อยในครั้งหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันการวางแผนการบินจะใช้กติกาของกรมการบินพลเรือนร่วมกันด้วยกฎ Instrument Flight Rules (IFR) ซึ่งเป็นการให้เครื่องบินทุกลำ ต้องมีรูปแบบการสื่อสารกับวิทยุการบินตามมาตรฐานสากล และศูนย์ควบคุมการบินจะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขในการบินให้กับเครื่องทั้งระดับความสูง และทิศทางในการบิน

12 October 2013

ประเทศไทย เวลา ไฟฟ้า และนิวเคลียร์

Coal Power Plant [Image source Interesting Energy Facts]
มีหลายครั้งที่ไปแวะเที่ยวต่างประเทศ ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของวิถีชีวิตของประเทศต่างๆ ทั้งออสเตรเลีย, เกาหลี, ญี่ปุ่น, มาเก๊า ทุกคนจะเน้นแต่การประหยัดน้ำ นั่นคือที่แปลกเพราะไม่มีที่ไหนพูดเรื่องการ "ประหยัดไฟ" ซักเท่าไหร่

มีแค่เวียดนามประเทศเดียวที่พูดถึงเรื่องไฟฟ้าจริงๆจังๆ เพราะช่วงที่ผมเคยไปทำงานระยะสั้นที่เวียดนามได้นั่งคุยกับคนเวียดนามท่านหนึ่งที่อยู่ในกรุ๊ป One Day Trip ด้วยกัน พูดเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าว่า ประเทศเวียดนามเองโอยเฉพาะเมืองหลวงมีไฟฟ้าไม่พอ ในช่วงหัวค่ำทางราชการจะแจ้งเกี่ยวกับโซนดับไฟฟ้า ซึ่งจะหมุนเวียนกันดับไฟฟ้าผลัดกันไปพื้นที่ละ 1 ชั่วโมง ปัญหานี้คงจะเป็นไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งคำบอกเล่านี่จริงของเขา เพราะผมไปเดิน Big C ในฮานอยพบปัญหาไฟดับตั้ง 4 รอบ

ตอนนั้นใจก็นึกไปว่า เพราะพวกประเทศใหญ่ๆมันมีนิวเคลียร์ มันเลยไม่ต้องประหยัดไฟฟ้ากระมังเขาก็เลยจัดกันเต็มที่ ก็เลยอยากจะรู้ว่าพวกนั้นเขาจ่ายค่าไฟถูกกว่าเราหรืออย่างไร

09 October 2013

ยาน Kepler กับภารกิจเพื่อตามหาโลกใหม่

ถ้าจะเริ่มตอบคำถามว่าโลกสีฟ้าที่เราอยู่มีเพียงดวงเดียวเท่านั้นรึเปล่า หรือการจะหาคำตอบว่า ดาวดวงอื่นๆที่เหมือนดวงอาทิตย์ของเรา มีดาวเคราะห์อยู่มากน้อยแค่ไหน คำตอบนั้นสามารถหาได้ชัดเจนขึ้นด้วยยานสำรวจ Kepler
Kepler Search field of view
Kepler Search field of view
[Source: NASA Kepler]

ที่มาของโครงการยานสำรวจ Kepler มีเป้าหมายเพื่อระบุชี้ชัดว่า มีดาวเคราะห์อยู่ในระบบวงโคจรอยู่รอบดาวฤกษ์หรือเปล่า โดยมีวิธีการทำงานคือ การลอยในวงโคจรรอบดวงอาทิตย์อย่างช้าๆ และมองไปยังกลุ่มดาวบางส่วนในอวกาศในพื้นที่เดียวเป็นระยะเวลานาน การตรวจจับดาวเคราะห์ในระบบที่อยู่ไกลมีหลักการเหมือนการเกิดสุริยุปราคา เมื่อมีดาวเคราะห์เคลื่อนที่ผ่านหน้าดาวฤกษ์ดวงใดดวงหนึ่ง จะเกิดการลดทอนของแสงลงบางส่วน ซึ่งจะทำให้ความสว่างลดลงไปเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ราวๆ 1 ชั่วโมง ถึง 16 ชั่วโมง) การระบุชี้ชัดว่าดาวเคราะห์เป็นดวงเดิมหรือไม่ก็เพียงแค่ดูว่า ระยะเวลาและความสว่างนั้นลดลงจากเดิมอยู่ในรูปแบบเดิมหรือไม่ ความท้าทายคือการตรวจวัดแสงที่เปลี่ยนแปลงในระดับ 1/10000 ส่วน (หรือ 100/1,000,000 ppm ของความสว่าง) และยาน Kepler ต้องมองดวงดาวพร้อมกันครั้งละ 100,000 ดวง

06 October 2013

หนัง Gravity สำหรับคนที่ดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณตั๋วฟรีจาก KBank ในบริการ The Premiere ที่ส่ง SMS สิทธิพิเศษชวนให้ไปดูภาพยนตร์ Gravity ฟรี 2 ที่นั่ง ซึ่งยังจัดโรงใหญ่ที่ SFX Central World เหมือนเดิม ซึ่งตอนแรกก็หมายตาไว้อยู่แล้วว่าคงต้องไปดูเพราะมันเป็นแนว Sci-fi ที่ชอบอยู่แล้ว การได้บัตรฟรีพร้อมป๊อบคอร์นเป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ อิ อิ

Plot เรื่องเป็อุบัติเหตุของการปฏิบัติภาระกิจการซ่อมอุปกรณ์กล้องโทรทัศน์ Hubble บนอวกาศ ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีเศษขยะอวกาศความเร็วสูงที่เพิ่งเกิดขึ้นจากการระเบิดของดาวเทียมดวงอื่น นักบินอวกาศจึงต้องหาทางดิ้นรถในการเอาตัวรอดให้ได้ แต่สำหรับ Plot เรื่องละเอียดๆคงหาอ่านได้ตาม Web ชั้นนำทั่วไป

Gravity Movie Poster
ภาพยนตร์ Gravity สำหรับผู้ที่ไม่ทราบเรื่อง Space Science อาจจะดูน่าเบื่อ ภาพหมุนไปหมุนมา เครื่องไม้เครื่องมือแปลกเยอะไปหมด ไม่รู้ว่าแต่ละอย่างเอาไว้ทำอะไร อีกทั้งยานชื่อแปลกๆมากมาย แต่สำหรับคนที่รู้เรื่องก็จะสามารถติดตามและคิดหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อลุ้นช่วยตัวละครไปด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่าแต่ละอันมันคืออะไรบ้างโดยอธิบายกันแบบบ้านๆครับ

กระสวยอวกาศ
กระสวยอวกาศ [images from nasa-satellites blog]
Space Shuttle กระสวยอวกาศที่ออกแบบมาเพื่อนำมาใช้สำหรับการขนส่งนักบินอวกาศ, หรืออุปกรณ์สิ่งของซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ ซึ่งสหรัฐเป็นผู้ควบคุมภารกิจ ส่วนในภาพยนตร์ STS-157 ก็คือหมายเลขภารกิจของกระสวยอวกาศลำนี้ที่ตั้งชื่อว่า Explorer นั่นเอง

30 August 2013

วินาทีสุดท้าย Air France เที่ยวบิน 447

Airbus A330
วันที่ 31 พฤษภาคม 2009 ที่สนามบิน ริโอเดอจาไนโร ประมาณทุ่มครึ่งของเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 4 ทุ่มครึ่งตามเวลามาตรฐาน เป็นช่วงหัวค่ำที่ปลอดโปร่ง ผู้โดยสาร Air France เที่ยวบิน 447 จำนวน 216 คน พร้อมลูกเรืออีก 12 คน เตรียมออกเดินทางจากบราซิล เพื่อมุ่งหน้าไปยังฝรั่งเศษในเที่ยวบินรอบดึก ด้วยเครื่อง A330 กับแผนการบินยาว 10 ชั่วโมง ซึ่งวันนี้กัปตัน Marc Dubois เป็นนักบินอาวุโส ที่มีชั่วโมงการบินมากกว่า 11,000 ชั่วโมง พร้อมนักบินผู้ช่วยอีก 2 คน คือ David Robert อายุ 37 ปี และผู้ช่วยน้องใหม่อายุ 32 ปี Pierre-Cédric Bonin รับหน้าที่เป็นชุดผู้คุมเครื่องในการบินในคืนนี้

เวลาประมาณ 1.36 น. ตามเวลามาตรฐาน เครื่องได้เข้าสู่เขตรอยต่อมรสุมบริเวณเส้นศูนย์สูตร (Intertropical Convergence Zone) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติในการบินของทุกเที่ยวที่ข้ามซีกโลกเหนือ-ใต้อยู่แล้ว จากการตรวจสอบสภาพอากาศไม่พบอุณหภูมิภายนอกที่ต่ำกว่าปกติ จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับเส้นทางการบินเพื่อหลบเลี่ยงสภาพอากาศ เครื่องจึงได้บินทะลุเมฆชั้นสูงไปบ้างในบางเวลา ท่ามกลางความืดและแสงจากฟ้าแลบจากเบื้องล่างเป็นช่วงๆ
St.Elmo Fire รูปฟ้าแลบที่เกิดบนผิว
หรือกระจกเครื่องบินในระหว่างการบิน
ผ่านพายุฝนฟ้าคะนอง
[Credits: Kent Wien]

การบินดำเนินไปด้วยดีตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งโดยไม่มีเหตุผิดปกติ นอกจากผู้ช่วยกัปตัน Bonin กำลังตื่นเต้นกับปรากฏการณ์ St.Elmo Fire เล็กน้อย เนื่องจากเครื่องเข้าสู่เขตประจุไฟฟ้าจากพายุฝน จนกระทั่งเวลา 2.02 น. ตามเวลามาตรฐาน กัปตัน Marc Dubois ได้ออกไปพักตามปกติระหว่างรอบ โดยให้ Robert ซึ่งเป็นผู้ช่วยนักบินอาวุโสรองลงมา นั่งที่เก้าอี้นักบินด้านซ้ายแทน

09 August 2013

รู้จักกับ Deep Space Network ถ้าเล่นเน็ตที่ดาวอังคารจะเร็วไหม

เชื่อว่าอินเตอร์เน็ตบ้านของเราๆท่านๆในปัจจุบันนี้ สำหรับคนในเมืองคงมีความเร็วมากกว่า 10Mbit ต่อวินาที หรือถ้าเป็นต่างจังหวัดก็คงมีอินเตอร์เน็ตไม่ต่ำกว่า 2Mbit ต่อวินาที ยิ่งเป็นต่างประเทศก็ยิ่งเร็วเข้าไปใหญ่ เพราะบ้านเมืองเขาพัฒนาด้านระบบโทรคมนาคมไปเร็วกว่าบ้านเราพอควร
Deep Space Netwok
Canberra, Australia

แต่เมื่อมองออกไปให้ไกลถึงอวกาศ คนที่ดูข่าวแล้วเห็นภาพถ่ายจากดาวอังคาร, ภาพดาวเสาร์ ที่ถ่ายโดยยานสำรวจอวกาศก็คงไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะมันก็เหมือนกับการกดส่งภาพทาง e-mail หรือ post เหมือน facebook กลับมาที่โลกง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อินเตอร์เน็ตในอวกาศที่สื่อสารกันในทุกวันนี้เป็นอะไรที่เลวร้ายมากหรือมากที่สุด

23 July 2013

Twitter Article: คุณหมอฮะ! ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย by @meekob

ขออนุญาตนำข้อมูลจาก Twitter พี่ @meekob เนื่องจากเห็นว่าในสาระของ Tweet มีประโยชน์ พอนานๆไปเดี๋ยวหาย เลยมาพักไว้ใน Blog นะครับ ข้อความได้แปลงจาก Twitter เป็นบทความ มีการตัดตัวอักษรบางอย่างเพื่อให้เหมาะกับการอ่านทั่วไป

มาละ ตามที่บอกไว้เมื่อเย็น วันนี้ทวีตเรื่องความเชื่อต่างๆจากหนังสือ "คุณหมอฮะ! ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย" เรื่องน่ารู้ที่บางคนอาจเข้าใจผิด หนังสือเรื่องนี้พิมพ์โดยสนพ.วีเลิร์น ผู้เขียนคือ Aaron E. Carroll และ Rachel C. Vreeman ในชื่ออ.ว่า "Don't Swallow Your Gum!" ตีพิมพ์การค้นคว้าภายใต้ความเชื่อปรำปรา เช่น คนเราต้องดื่มน้ำวันละ 8 แก้วจริงหรือ? เราใช้สมองแค่ 10% เท่านั้นใช่หรือไม่? ไปจนถึงความเชื่อใกล้ตัวที่คุ้นเคย เช่น อากาศหนาวทำให้ไม่สบาย? กินตอนดึกๆทำให้อ้วน? วิตามินซีป้องกันไม่ให้เป็นหวัด? จริงๆมีความเชื่อใต้ร่มผ้าอื่นๆอีก แต่ถ้าสนใจขอแนะนำให้ไปซื้อหาอ่านเอาเองนะ หาได้ตามร้านหนังสือทั่วไปแล้ว ผู้เขียนมีความคิดว่า เรื่องความเข้าใจผิดเหล่านี้ ทำให้คนเราต้องเสียเวลา เสียสุขภาพจิต หรือบางครั้งอาจเสียชีวิตได้ ก็เลยเขียนตีแผ่ออกมา

19 July 2013

โทริโน สเกล (Torino Scale) มาตรวัดเฉพาะวันดับโลก

ในการวัดค่าความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่มีบนโลกเรา หลายๆคนก็จะรู้จักกับการวัดค่าความรุนแรงของแผ่นดินไหว ในหน่วยของ ริคเตอร์ (Richter Scale), วัดความรุนแรงของพายุ ที่ระบุหน่วยเป็นความเร็วลม, วัดความรุนแรงของทอร์นาโด เป็น Fajita Scale (F-Scale)

ชูเมคเกอร์ เลวิ 9
ชิ้นส่วนของดาวหางชูเมคเกอร์ เลวิ 9 ก่อนชนดาวพฤหัสเมื่อปี 1994
Credits NASA, ESA, and H. Weaver and E. Smith (STScI)
อีกหนึ่งหน่วยวัดที่ไม่ค่อยได้ยินกันคือ Torino Scale ซึ่งหน่วยวัดนี้ใช้เพื่อวัดความรุนแรงจากผลกระทบจากภัยพิบัติจากการชนของเทหวัตถุจากนอกโลกโดยเฉพาะ ในการอ่านเป็นภาษาไทยออกเสียงอย่างไรยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าสะกดเพื่ออ่านในภาษาอังกฤษ น่าจะออกเสียงว่า "โท-รี-โน่" หรือถ้ามีออกเสียงก็จะเป็น "โท-รี้-โน่" เอาเป็นว่าเขียนเป็น หน่วยวัด โทริโน ละกัน

เพราะในช่วงหลังปี 1990 ที่การพัฒนาด้านอุปกรณ์ที่สามารถถ่ายภาพเทหวัตถุที่มีขนาดเล็ก หรืออุกกาบาตได้ดีขึ้น เราพบว่าในแต่ละปี มีการค้นพบอุกกาบาตใหม่อยู่ประมาณ 100 - 200 ดวง และการพัฒนาอุปกรณ์การตรวจจับอย่างต่อเนื่องทำให้เราได้เจออุกกาบาตมากขึ้นไปอีก ด้วยปริมาณอุกกาบาตที่โคจรมาใกล้โลกในปัจจุบัน โครงการ Near Earth Object ของ NASA มีการทำทะเบียนรายการอุกกาบาตใกล้โลกมากกว่า 9,000 รายการที่ได้บันทึกไว้ (Note: 9,803 รายการ วันที่ 4 พฤษภาคม 2013) นั่นหมายถึงโลกเราก็สุ่มเสี่ยงต่อการชนจากอุกกาบาตได้อยู่เรื่อยๆ

โทรีโน สเกล เป็นการอธิบายอย่างง่าย ถึงความรุนแรงของการชนจากวัตถุนอกโลก แบ่งเป็น 11 ระดับ โดยมีสีแสดงระดับความรุนแรง 5 สี ดังต่อไปนี้

02 July 2013

ทำไมเราต้องศึกษาและสำรวจอวกาศ

เหตุผลขอคำตอบที่เราต้องเรียนรู้อวกาศมีมากมาย ซึ่งยกอ้างอิงจากคำตอบหลายๆ ที่ มีดังนี้

มนุษย์ทุกคนมีความอยากรู้อยากเห็น อยากรู้เรื่องราวของสิ่งต่างๆ รอบตัว อยากรู้อดีตและอนาคตของตัวเอง การเรียนรู้ความเป็นมาเป็นไปของโลกก็เช่นเดียวกัน เมื่อไม่มีใครเกิดมาทันเห็นการกำเนิดโลก เราจึงต้องศึกษาและเรียนรู้โลกจากการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวดวงอื่นๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับโลกของเราว่ากำเนิดขึ้นมาอย่างไร และในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป -- Wow Wit on Web

การหาคำตอบของการเกิดชีวิต ว่าสิ่งที่เราดำรงชีวิตอยู่นั้น เกิดขึ้นโดยทั่วไปหรือไม่ หรือปัจจัยใดที่เกื้อหนุนต่อการกำเนิดชีวิต ทั้งนี้ เพื่อรองรับการย้ายถิ่นฐาน หรือการอพยพไปอยู่ยังที่อื่น เพื่อเอาตัวรอดจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากอวกาศ อีกทั้ง ความต้องการของมนุษย์ ต้องพึ่งพาทรัพยากรที่เกินจากความสามารถของธรรมชาติ การค้นพบแหล่งทรัพยากรใหม่ จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ -- Chandra S. (Individual internet users)

คำตอบที่ว่าจะศึกษาอวกาศทำไมเพราะทุกอย่างในโลกเรายังรู้ไม่หมดเลย ดูเป็นเจตนาแสดงให้ยุติการแสวงหาไปหน่อย แต่คำตอบสำหรับตัวเราว่าอยากรู้ไปทำไม ก็แค่เป็นประเด็นที่สนใจต่อความเป็นธรรมชาติที่อยู่รอบๆเท่านั้น เพราะอวกาศคือธรรมชาติที่ใหญ่กว่าสิ่งที่เรามองเห็นและไม่มีวันที่จะศึกษาได้สิ้นสุด การพยายามศึกษาเรียนรู้จะเป็นเครื่องมือที่ผลักดันให้เกิดความคิด ทำให้รู้ว่าเราเล็กแค่ไหน เพื่อช่วยให้เรารู้จักมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่นๆบนโลกที่มีทรัพยากรจำกัดนี้ได้เท่านั้นเอง

Written by Tiwakorn Laophulsuk

09 April 2002

United Device


The information is the historic event since April 9th, 2002. And will be archived here. 

หากถามเพื่อนรอบข้างว่า ที่บ้านใช้คอมพิวเตอร์อะไร หลายคนก็คงจะได้คำตอบที่แตกต่างกันไป อาจจะมีตั้งแต่ 486DX2 ไปจนถึง Pentium 4, Athlon ในระดับความเร็วเป็น Gigahertz กันเลยทีเดียว แต่ในที่นี้ เราใช้คอมพิวเตอร์ไว้ทำอะไรบ้าง แล้วคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตามที่ทำงานล่ะ ใช้งานอะไรบ้าง หลายคนก็คงบอกว่า ถ้าไม่ใช่เล่นเกม เล่นอินเตอร์เนต ก็คงจะเอาไว้ทำงาน

ความคิดหนึ่งของผู้ริเริ่มโครงการ United Device ซึ่งเป็นโครงการของมหาวิทยาลัย Oxford ที่ได้พัฒนาขึ้น เพื่อการกุศล ก็ได้ทำโปรแกรมขนาดเล็กๆขึ้นมา เพื่อที่จะใช้งาน CPU ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นสมาชิก คำนวณ หรือสุ่มตัวอย่างเหตุการณ์ที่ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก จะว่าไปแล้วก็คือ มันเป็นโปรแกรมที่มาขโมยเวลาการทำงานของ CPU ที่ผู้ใช้งานไม่ได้ใช้อยู่นั่นเอง

United Device agent screenshot
United Device agent screenshot

ใช้งานเพื่ออะไร

16 November 2000

SETI@Home

ประวัติความเป็นมาของโครงการ
โครงการ SETI (Search for Extraterrestrial Technology Institute) เป็นโครงการที่ถูกคิดค้น และเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1959 โดยปรากฏเป็นบทความที่เกี่ยวกับเรื่องสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมบนดาวดวงอื่นๆ หลังจากนั้นมา นักดาราศาสตร์ชื่อ แฟรงค์ เดรค ได้ใช้จานรับสัญญาณวิทยุ ในการรับสัญญาณจากช่องความถี่ 1420 MHz ซึ่งเป็นช่อสัญญาณของคลื่นจากธาตุ Hydrogen แต่ก็ไม่ได้พบสัญญาณใดๆ

Arecibo Radio Observatory, Location Pertorico
Arecibo Radio Observatory, Location Pertorico
โครงการได้ดำเนินการต่อเนื่องมากจนองค์การ NASA ได้ให้งบประมาณสนับสนุนการทำงาน โดยได้ตั้งชื่อโครงการว่า โครงการไซคลอป (Cyclops Project) เพื่อทำหน้าที่รายงานความคืบหน้าในการค้นหาสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก โดยใช้สัญญาณวิทยุ และมีอีกหลายมหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกา รวมทั้ง นักดาราศาสตร์จากหลายชาติช่วยกันติดตามค้นหาคลื่นวิทยุในช่องความถี่ย่านนี้ด้วย โดยในการศึกษา ได้พุ่งเป้าไปยังระบบสุริยะที่มีดวงอาทิตย์เป็นใจกลางทั้งหมด 1000 กว่าแห่ง แต่เพียงไม่กี่ปี NASA ก็ได้ยกเลิกการให้งบประมาณสนับสนุนโครงการนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า การค้นหาในลักษณะนี้ มีโอกาสในการพบสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกน้อยเกินไป