บน Facebook มีเพจหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นเพจที่หมิ่นเหม่ แต่มีความแปลกอยู่ในวิธีการนำเสนอ 'ลัทธิคนไทยรักในหลวงจนเสียสติ' ซึ่งต้นกำเนิดของวลีดังกล่าว มาจากสื่อสิ่งพิมพ์ฉบับหนึ่งที่หยิบ quote ของผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งบนหน้านิตยสารรายสัปดาห์ และให้ข้อความไว้ว่า 'รักที่สุดคือในหลวง ห่วงที่สุดคือคนที่รักในหลวงจนเสียสติ' จึงกลายมาเป็นที่มาที่ไปของวลีดังกล่าว และถูกใช้อ้างอิงสำหรับกลุ่มคนที่เป็น Royalist ตั้งแต่นั้นเป็ต้นมา
โดยในเพจนั้น ถ้าเข้าไปดูและคิดอย่างเป็นกลางมีโอกาสจะพบเรื่องทั้งสองด้าน ในหลายจังหวะก็มีเหตุน่าโดน ban เพราะการวิพากย์วิจารณ์สถาบันเช่นกัน แต่ก็มักจะไหวตัวทันนำเนื้อหาออกไปเสียก่อนทุกครั้ง แต่อีกด้านหนึ่งจะเป็นการรวบรวมเนื้อหาจากที่อื่นๆ ที่กลุ่มคน Royalist ได้ทำการ Post, หรือกล่าวประโยคต่างๆที่สนับสนุนสถาบันอย่างสุดโต่ง โดยมากเป็นการหยิบประโยคที่ใช้คำหยาบคายในการด่าผู้อื่นที่ไม่รักสถาบัน, การถ่ายรูปพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีมีวัตถุบดบังแล้วเอามาตีความโยงใยการเมือง, การสักรูปพระบรมฉายาลักษณ์ตามร่างกาย, หรือภาพไฟไหม้อาคารแล้วมีพระบรมฉายาลักษณ์ที่ไม่ถูกไหม้
อีกวิธีการปฏิบัติอย่างหนึ่งที่คนในเพจทำกันคือ การพูดสรรเสริญสถาบันอย่างมากจนคนทั่วไปจับได้ว่า พวกคนในเพจทำแบบนี้ทำการพูดนำเสนอแนวประชดประชัน แล้วจะทำเป็นว่าการพิมพ์ข้อความของผู้มาต่อว่าเพจนั้นเป็นพวกกลุ่มการเมืองตรงข้ามที่ไม่รักสถาบัน แม้แนวทางจะดูย้อนแย้งแต่เป็นการป้องกันตัวเองได้ดี เพราะถ้าใครดูไม่ละเอียดก็จะเหมือนกับมา Post ข้อความในเพจที่ดูเหมือนเป็นกลุ่มรักในหลวง ต้องนั่งดูยาวๆเท่านั้นจึงจะจับประเด็นได้ เพจนี้เมื่อถูก Report จึงไม่ค่อยหายไปจากระบบ เพราะไม่มีภาพหรือสื่อไปในทาง Hate speech ใดๆ
ถ้ากลับมามองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" จึงครอบคลุมแค่คำว่า หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายเท่านั้น เรื่องของเพจดังกล่าวจึงมุมมองหนึ่งที่ข้อกฎหมายไม่ได้ตีความว่า การกล่าวยกยอสถาบันมากจนเกินเลยไป หรือการรวบรวมเนื้อหาของผู้ที่เป็น Royalist แนวประชดประชันนั้นเป็นเรื่องที่ขัดต่อข้อกฎหมายแต่อย่างใด
ในฐานะคนไทย การปฏิบัติตัวเพื่อเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์จึงควรวางไว้ในรูปแบบของความเคารพ และการปกป้องจึงไม่ใช่การนำเสนอเพื่อล้มล้างแนวคิดของผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพราะการใช้แนวคิดหัวรุนแรงในการป้องกันสถาบันยิ่งเป็นการส่งเสริมให้ความชัดเจนของ Royalist สูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นประเด็นกลับในทางลบต่อสถาบันที่เราต้องให้ความเคารพเสียมากกว่า ซึ่งปัญหาหมิ่นเจ้าเป็นกระบวนการด้านความคิดมากกว่าจะใช้กฎหมายมาห้ามปรามหรือเอามาลงโทษกัน
ถาสรุปเบาๆหน่อยก็คือ รักสถาบันได้ แต่อย่าทำมากจนเกินควร เพราะเจตนาดีของท่านสามารถตีกลับเป็นเรื่องร้ายได้อย่างไวในโลกสมัยใหม่นี้
Written by Tiwakorn Laophulsuk