13 June 2013

ชาวพุทธต้องกล้าพูดความจริง

หลวงพ่อปัญญานันทภิขุ

ชาวพุทธเราต้องเป็นคนใจกล้า ความขลาด...ไม่กล้าพูดความจริงนั้น มิใช่วิสัยของลูกตถาคตผู้รู้ความจริง พระองค์ประกาศความจริงอยู่ตลอดพระชนมายุของพระองค์ โดยเฉพาะนักบวชในพระพุทธศาสนา ควรทำตนให้เป็นนักบวชที่แท้สักหน่อยอย่าทำตนเป็นตัวเสฉวน อันตัวเสฉวนนั้นคือปูชนิดหนึ่งเกิดที่ริมทะเลน้ำเค็ม มันชอบกินหอยเป็นอาหาร ถ้ามันจับหอยได้แล้วมันกินเลย พอกินหมดแล้วก็อาศัยเปลือกหอยนั้นเป็นเรือนอยู่ คลานปะปนไปกับหอยอีก พอหอยเผลอก็จับกินเสียอีก ตัวเสฉวนไม่ใช่หอย แต่มันอาศัยอยู่ในเรือนร่างของหอยเพื่อทำลายหอยต่อไป

ภิกษุเราที่อาศัยผ้าเหลืองของพระพุทธองค์ แต่มิได้ทำกิจของพระพุทธศาสนา ก็มีสภาพประดุจตัวเสฉวน ฉันนั้นพวกพระประเภทตัวเสฉวนนั้นก็เป็นพระประเภททำลายพระศาสนา เขาอาศันชื่อเสียงของพระรัตนตรัยไปทำพิธีปลุกเสกอะไรต่างๆนานา ทำคนทั้งหลายให้หลงผิดเข้าใจผิด หารู้ไม่ว่าตนกำลังทรยศต่อพระพุทธธรรมอยู่แล้ว

ขอให้พวกเราทั้งหลาย...ได้เลิกกระทำการอันน่าบัดสีนั้นเสียเถิด แต่จงช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนาไปให้ถูกทางต่อไปจงช่วยกันประกาศพระพุทธศาสนาของแท้ของพระพุทธเจ้า ให้ชาวโลกได้เข้าใจกันเถิด บัดนี้พุทธศักราชของเราได้ ๒๕๐๒ ปีแล้ว เมื่อปี ๒๕๐๐ เราได้ทำการฉลองกันเป็นการใหญ่ ทำกันแต่เปลือกผิวเผินเท่านั้นผลได้แก่พระศาสนามีเพียงเล็กน้อย ขอให้เราจงมาร่วมใจกันฉลองใหม่ด้วยการตั้งต้นชีวิตกันใหม่ เป็นชีวิตที่เดินตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง นี่เป็นคำเชิญชวนด้วยความปรารถนาดีต่อพี่น้องทั้งหลาย

มีบางคนกล้ากล่าวค้านว่า การที่ตนทำพิธีรีตองเช่นนั้นก็เพื่อประโยชน์ของคนที่ยังหลงยังเข้าใจผิดอยู่ จะอธิบายให้เขาทราบความจริงก็เกรงว่าเขาจะไม่เข้าใจ จึงปล่อยไว้อย่างนั้นอีกประการหนึ่งเขาคิดว่า พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่สูงเกินที่คนเหล่านั้นจักเข้าใจก็เลยไม่อธิบายกันให้เข้าใจ เขามาขอให้ทำพิธีอะไรก็ทำไปเท่านั้น

การกระทำอย่างนี้เป็นการเหมาะหรือไม่ ขอให้เรานึกถึงเด็กนักเรียนบ้างเถิด อันธรรมดาของเด็กนั้นในชั้นก็ยังไม่รู้อะไรเลยครูจึงพยายามสอนให้รู้ให้เข้าใจไปโดยลำดับ จนผ่านชั้นต่างๆได้ ตามหลักสูตรที่ทางการได้วางไว้ ถ้าหากครูจะมาคิดเสียว่ายากแก่เขาแล้วไม่พยายามสอน เด็กนั้นจะก้าวหน้าไปได้อย่างไรเล่าในเรื่องการศึกษาศาสนาก็เหมือนกัน ถ้าเรานึกว่าเขาไม่เข้าใจแล้วไม่พยายามสอนเขา เขาจะก้าวหน้าในการศาสนาได้อย่างไร ขอให้ลองคิดดูสักหน่อยเถิด ท่านจะมองเห็นเอง

ขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง เช่น คนๆหนึ่งมาหาพระและบอกว่า ตนเคราะห์ร้าย...ขอรดน้ำมนต์สักหน่อย พระก็รดให้โดยมิได้ไต่ถามว่าเคราะห์ร้ายเรื่องอะไร ไม่ได้แนะแนวทางแก้ทุกข์ให้แก่เขา การทำพิธีรดน้ำมนต์ช่วยกำลังใจได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นแต่ถ้าสนทนาให้เขาเข้าใจเหตุผลเขาคงฉลาดขึ้น และเลิกละจากการกระทำความทุกข์ใส่ตนก็ได้

ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปปาฐกถาที่นครสวรรค์ พอพูดจบก็มีคนมาหาและขอให้เป่ากระหม่อมให้หน่อย ข้าพเจ้าจึงตอบแก่เขาว่าเป่าให้ชั่วโมงครึ่งก็ควรจะพอแล้ว ปฏิบัติตามคำสอนนั่นแหละคือพรอันประเสริฐ และจะช่วยตัวเขาได้ต่อไป เขาจึงถอยกลับออกไป ...น่าสงสารคนประเภทนี้แท้ๆ!!

Original Citation Source
หลวงพ่อปัญญานันทภิขุ
ปฏิวัติความงมงาย : เลิกเชื่อไร้เหตุผล พึ่งตนและพึ่งธรรม (หน้าที่ ๒๐-๒๑)