26 January 2001

Archived: Computer Upgrading Guide


คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว โทรศัพท์มือถือ คงไม่มีใครตอบว่า ไม่เคยได้ใช้งานอุปกรณ์ใดๆ เหล่านี้มาก่อน เพราะอย่างน้อยๆ ก็คงได้หยิบยืมของเพื่อนมาใช้บ้างสักครั้งสองครั้ง รึไม่จริง

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น อุปกรณ์เหล่านี้ เป็นอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการทำงานต่างๆอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอมพิวเตอร์ นอกจากจะมีราคาแพงมากแล้ว ยังต้องมาดูแลรักษาเครื่องหลังการซื้อด้วย ในวันนี้ เราจะมากล่าวถึง การมองหา หรือการ Upgrade และสิ่งที่ควรจะพิจารณาในการเลือกซื้ออุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้

ก่อนอื่น ขอให้ทุกคนที่ต้องการซื้อคอมพิวเตอร์มองเป็นลำดับดังต่อไปนี้


1. หาความรู้เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ หรือองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ก่อนบ้าง การทำเช่นนี้ จะช่วยให้ในการเลือกซื้อ หรือพิจารณารายการสินค้า เป็นไปได้ง่ายขึ้น ที่ว่าง่ายนี้คือ ง่ายในการจับผิดผู้ขาย และเข้าใจว่า ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร อย่ามองเพียงว่า คอมพิวเตอร์เป็นแต่กล่องสี่เหลี่ยมอันหนึ่ง ราคาหลายหมื่น นำมาต่อกับจอภาพและคีย์บอร์ดก็เป็นอันใช้ได้

2. ลองพิจารณาว่า เราซื้อคอมพิวเตอร์ไปทำอะไร ควรจะใช้จ่ายมากแค่ไหน ถ้าหากเรามีความตั้งใจสูงมาก อยากจ่ายเงินแบบไม่อั้น อ่านบทความนี้ก่อน อาจจะช่วยเตือนใจอะไรได้บ้าง

3. ตรวจสอบราคาสินค้าในเบื้องต้นก่อน เช่น ราคาของ CPU, RAM, Harddisk, Mainboard ถึงแม้เราจะไปซื้อเครื่องแบบยกชุดใหญ่ เราก็จะสามารถพิจารณาได้ว่า ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบยกชุดนั้น มีเจตนาจะเก็บเปอร์เซนต์ค่าเครื่องเท่าไหร่ เพราะโดยมากแล้ว ผู้ที่ขายคอมพิวเตอร์ประเภทยกชุด มักจะมีราคาแพง แต่พวกเซียนคอมพิวเตอร์ฮาร์แวร์ทั้งหลายกลับมองข้ามว่ามันดีอย่างไร คำตอบของพวกเขาก็คือ เพราะมันไม่มีอะไรดีนะซี

ในส่วนถัดๆไป จะบอกถึง อุปกรณ์รายชิ้นว่า น่าเลือก น่าเล่น น่าลองอย่างไร โดยราคาที่อาจจะอ้างถึงนั้นเป็นราคาของเดือนมกราคม พ.ศ.2544

Multimedia Buying Guide
ช่วงที่สองของรายการ ก็จะต้องมาดูถึงเทคโนโลยีเสริมกัน เนื่องจาก CPU เพียงอุปกรณ์เดียว ไม่สามารถทำงานด้านการแสดงผล และผลิตเสียงอันไพเราะอย่างเดียว หน้าที่ของ VGA และ Sound card จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะต้องเลือกเป็นพิเศษ เราจะมาดูว่า ของดีและไม่ดีนั้น วัดกันที่อะไร

VGA Card ที่มีประสิทธิภาพนั้น เราสามารถที่จะหารายละเอียดได้ง่ายจากหนังสือคอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็ตาม Website ต่างๆ และยี่ห้อที่ผู้จัดทำส่วนใหญ่มักจะชอบเอามาวิเคราะห์นั้น เราก็เป็นที่มั่นใจได้ว่า เป็นของที่น่าจะอยู่ในการพิจารณาของเราได้ อีกอย่างหนึ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือ การไปดูการทำงานจริงๆของ VGA ตัวนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องของใครก็ตาม และควรจะเลือกดูไว้หลายๆ ยี่ห้อ มาดูกันว่า เรามักจะมีงานประเภทไหนอยู่บ่อยๆ

งานเอกสาร, พิมพ์ดีด, คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องทับกระดาษเฉยๆ และมีฝุ่นจับหนาเตอะ: VGA Card ราคาถูกมักจะไม่ลืมคอมพิวเตอร์เหล่านี้ เช่น S3 Trio, SiS Series (มันมีหลายรุ่นมาก แต่ราคาไม่เกิน 1500), VGA On board (ของ MainBoard ยี่ห้อเก่าๆ), และของมือสอง

งานความละเอียดสูง เช่น Image Processing ปราศจาก Game 3 มิติ: แนะนำตระกูล Matrox, nVidia Quadro เพราะมีราคาต่ำ ความละเอียดสูง และความแม่นยำในการแสดงผลมีสูง และอาจจะมี Driver พิเศษที่มาใช้งานกับ Application พวก CAD, DigitalCAM เป็นต้น

งานหนัก ทั้งหมดรวมกัน บวกเกมสามมิติทั้งวัน: ไม่ควรจะใช้ต่ำกว่า nVidia Riva TNT2 M64 แนะนำให้เป็นGeforce 2MX หรือ GTS, S3 Savage 2000, เพราะจะมีภาพที่และเอียด และทำงานกับเกมได้มีประสิทธิภาพมาก แต่ด้วยสนนราคาที่ไม่ต่ำกว่า 3500 บาท ก็อาจจะต้องทำให้คิดก่อนบ้างเหมือนกัน

สำหรับเรื่อง Sound Card ก็น่าจะพูดสั้นๆได้ เพราะการเลือกที่จะซื้อนั้น เราต้องฟังเสียงจริงของ Sound ยี่ห้อนั้นๆก่อน แล้วค่อยตามด้วยราคา และสิ่งที่ควรจะพิจารณาเป็นอย่างสุดท้ายก็คือ Utility ที่แถมมา

Sound card ที่ดี ต้องสามารถรองรับการทำงานใหม่ๆ ของ Application ทั่วๆไปได้ และมีความเข้ากันได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆไป (ดีไม่ดี คนเขาก็จะออกมาบ่นให้ฟังเอง) ทั้งนี้ตัวเลือกเพิ่มเติมจากนั้นคือ ประสิทธิภาพของลำโพงที่เรามีอยู่นั่นเอง ลองพิจารณาจากพฤติกรรมเหล่านี้

ฟังเพลงน้อย แต่งานเยอะ: Sound card ที่พอจะให้เสียงได้ดี เป็นพวก Yamaha SG Series, Creative Vibra 128 และของ Diamond ที่ราคาไม่เกิน 900 บาท สามารถทำงานได้ครบทุกอย่าง แต่คุณภาพและความกว้างของเสียงที่ผลิตได้อาจจะแคบหน่อย

ฟังเพลงมาก งานน้อย: ต้องยกให้ Sound Blaseter Live Value อย่างเดียว เพราะราคาต่อคุณภาพนั้น ยังไม่มีบริษัทใดผลิตสินค้าที่มีราคาต่ำขนาดนี้ได้

ฟังเพลงมาก และงานระดับ Composer: น่าจะยกให้กับอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ Sound Card แต่ที่น่าสนใจหากเราเป็นคนแต่งเพลงคือ Sound Blaster platinum หรือ Sound Blaster Live 5.1 ที่รองรับการสร้างเสียง Surround ได้ และมีอุปกรณ์ที่สามารถต่อเชื่อมกับ Card ได้มากพอสมควร

Conclusion
สรุปปิดท้ายกันง่ายๆ และคนก็มักจะกล่าวกันมามากแล้วก็คือ การเลือกซื้อควรจะซื้อมาใช้อย่างมีความรู้ และรู้เท่าทันคนขาย (เป็นอย่างน้อยเลยล่ะ) นอกจากจะได้สินค้าดี มีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินที่จะต้องนำออกจากประเทศไป และลดค่าใช้จ่ายในกรณีที่สินค้าเกิดปัญหาบ่อยๆ นั่นเอง


This article published via Internet Park internet Cafe
Written by Tiwakorn Laophulsuk
26-Jan-2001