ถ้าเป็นสมัยก่อน (แต่ไม่เก่า) ถ้าผมอยากจะเขียนบทความสักเรื่องหนึ่งให้คนต่างๆ หรือประชาชนทั่วไปได้อ่าน ก็อาจจะทำได้โดยการส่งในรูปแบบของจดหมายเปิดผนึก ไปยังสำนักพิมพ์ หนังสือพิมพ์ หรือ สื่ออื่นๆ เช่น สถานีวิทยุ โทรทัศน์ เพราะเป็นแหล่งที่ให้ข้อมูลกับประชาชนทั้งประเทศได้กว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด แต่ใช่ว่าการส่งข้อมูลใดๆไปนั้น จะถูกนำมาเสนอ เผยแพร่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และเจตนาของผู้กระจายข่าวสารเป็นหลัก อีกทั้งสื่อทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นการโต้ตอบกับผู้รับสารเพียงด้านเดียว ไม่มีการโต้ตอบ หรือ รับความคิดเห็นจากประชาชน หรือบุคคลอื่นๆ
จนแล้วจนรอด เวลาผ่านไป ระบบการสื่อสารที่ทันสมัย ทันใจวัยรุ่น อีกทั้งเทคโนโลยีทางการสื่อสารและอุปกรณ์ต่างๆที่มีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง มีขนาดเล็กเหมาะในการพกพา ระบบการโทรคมนาคม ระบบ Networking และระบบ Internet กลายมาเป็นสื่อในอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถกระจายข่าวสาร และรับ-ส่งข่าวสารกันได้รวดเร็วฉับไวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบ Internet ที่ผู้ให้ข่าวสาร สามารถรับความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากผู้รับข้อมูล หรือจากประชาชนได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม หรือ ในบาง Web Site อาจจะทำเป็นรูปแบบของ WebBoard คือ ผู้ให้สารและผู้รับสารสามารถทำงานสลับกันได้ตลอดเวลา
ด้วยความฉับไว และสะดวกรวดเร็วที่กล่าวมาในข้างต้น ก็จำเป็นที่จะต้องมีจุดบกพร่อง อาจจะมีการกระทำการใดๆอันไม่ถูกต้องด้วยกฎหมาย การจารกรรมข้อมูล การกระทำอันก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ใช้งานอื่นๆ อาจจะผิดกฎหมายภายในท้องถิ่น หรือ ผิดกฎหมายในระดับประเทศ การก่อให้เกิดความไม่มั่นคงภายในประเทศ อาจจะยกตัวอย่างได้เช่น การเข้าไปแสดงความคิดเห็น โดยใช้ถ้อยคำในการกล่าวโจมตีบุคคลอื่นๆ โดยไม่มีการกลั่นกรองถ้อยคำ และวิธีในการให้ข้อมูล ในบางครั้งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อผู้ถูกกล่าวหา, การเข้าไปหยิบใช้ข้อมูล หรือ การนำข้อมูลออกไปจากระบบ หรือการทำให้ข้อมูลในระบบเสียหาย ซึ่งอาจจะเป็นการยากที่จะหาตัวผู้กระทำความผิด อันเนื่องมาจากการขาดความรอบคอบในการทำระบบรักษาความปลอดภัย, อีกทั้ง การเข้าไปรบกวนการทำงานต่างๆ อาจจะก่อให้เกิดความรำคาญ การทำให้ข้อมูลเสียหาย หรือประการใดๆอันจะก่อให้เกิดการเสียประโยชน์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่าง่ายๆบนระบบ Internet แห่งนี้ เราอาจจะเคยได้ยินสำนวนที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าอยู่เนืองๆ
ข้อดีและข้อเสียที่กล่าวมา ก็เป็นสิ่งที่พอจะบอกได้ว่า ระบบ Internet นี้ ไร้ซึ่งขีดจำกัดจริงๆ ดังนั้น ก็จะต้องย้อนกลับมาดูว่า ผลกระทบต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเรานั้น จะรุนแรง หรือ มีมากน้อยประการใด อีกทั้ง การป้องกันตัว การโจมตีกลับ แต่ทั้งหมดนั้น ต้องถูกต้องตามหลักการ และชอบด้วยกฎหมาย
เริ่มกันที่ กฎหมายบน Internet
จะว่าไปแล้ว รูปแบบของ Internet ก็คือ การนำเอาคอมพิวเตอร์มาต่อๆกันเข้า เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันนั่นเอง ถ้าหากเราไม่อยากมีผลกระทบใดๆ ก็ถอดสาย Network ออกซี นั่น อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่จะต้องรับฟัง แต่ในทางปฏิบัติ การทำงานและข้อมูลบน Internet ย่อมจะต้องมีการถ่ายเทตลอดเวลา มากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ระยะเวลาประจำวัน ดังนั้น หากเรามีหน้าที่เป็นตัวให้บริการข้อมูลแล้ว ก็ไม่อาจที่จะถอดตัวเองออกจากระบบ Network นี้โดยไม่จำเป็น เพราะนั่นอาจจะหมายถึง ข้อแลกเปลี่ยนอันเป็นประโยชน์ทางธุรกิจ ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นๆ สิ่งที่น่ารู้สำหรับคนทั่วไป
ISP ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ระบบ Internet เกิดความพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา และผู้ใช้ก็อาจจะเปลี่ยนหน้าค่าตากันไปแล้วแต่ระบบ อาจจะมีการแลกเปลี่ยน หรือ ยืมชื่อ Internet Account กันเพื่อการใช้งานที่มากขึ้น แต่ทุกสิ่งที่เหมือนกันก็คือ ระบบการเชื่อมต่อที่เป็นสากล กับข้อมูลที่จะต้องทำการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร ความสามารถในการใช้งานข้อมูลทุกอย่างบน Internet ก็จะต้องมีมากที่สุดก็คือบนระบบ Internet เท่านั้น
การทำให้ Internet อยู่ภายใต้กฎหมาย อาจจะทำได้เพียงแค่ระดับหนึ่ง และด้วยความเป็นสากลก็ทำให้การทำบทลงโทษ ข้อกำหนดต่างๆ เป็นไปได้ยาก และไม่สามารถจะไปบังคับกับบุคคลอื่นๆ อันอยู่นอกเหนือจากท้องถิ่นนั้นได้ เช่น ประเทศไทยการเปิด WebSite อนาจารเป็นความผิด แต่คนไทยที่ไปเปิด WebSite อนาจารในต่างประเทศ ก็ถือว่า กฎนี้ไม่อาจจะไปบังคับได้
อิสระด้านความคิด การแสดงความคิดเห็น
ด้วยความมากมายของผู้ใช้งานนี้เอง ก็เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้บุคคลหลากหลายคนเข้ามาอยู่รวมกัน หลากอาชีพ หลากศาสนา หลากประเทศ คำถามแรกที่เกิดขึ้นว่า เหมาะสมหรือไม่กับการที่จะมีข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นมาตรวจสอบก่อนที่จะเข้าใช้งาน คำตอบก็คือ ทั้งเหมาะสมและไม่เหมาะสม เหตุผลก็คือ การใช้งาน Internet เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่จะเข้าใช้งาน การที่มีประวัติของเรา เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรเครดิต ก็ย่อมจะเป็นการไม่เหมาะสมต่อผู้ไม่หวังดีในการที่จะเอาข้อมูลส่วนตัวของเราเหล่านั้นไปใช้งาน อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเรา แม้แต่เลข IP ของเรานั้น เราทุกคนก็แทบไม่ต้องการให้มันปรากฏต่อสายตาผู้อื่นด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้เราไม่เกิดความมั่นคงในระบบการทำงานคอมพิวเตอร์ (การ Nuke ระบบ Windows)
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ทุกๆวันก็คือ ชื่อของคนมากมายหลายชื่อ อาจจะเป็นนามแฝงหรือไม่แฝง ก็จะปรากฏอยู่ตาม Website, Webboard, Chat Room ต่างๆ และไม่รู้ว่าใครจะเป็นใคร มีหน้าตาอย่างไร อยู่ที่ไหน และเขาทำอะไรอยู่ การจะไปบังคับให้ไม่ให้พิมพ์ นำเสนอของอันผิดต่อศีลธรรม การใช้คำหยาบคาย การกล่าวหาโจมตีคนอื่นก็อาจจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือ "อย่าคลุกวงใน" นั่นหมายความว่า อย่าไปสนใจและยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เราเห็นให้มากมายจนเกินไปนัก
อิสระในการกระจาย หรือเชื่อมต่อข้อมูล
Internet เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถเข้าไปใช้งานได้ เหตุใดเราจะทำ Website เพื่อให้คนอื่นๆดูบ้างไม่ได้ ในโลกใบนี้มี Internet Server อยู่นับไม่ถ้วน (เพราะไม่ทนจะนับ) แต่ละเครื่องก็ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการถ่ายข้อมูลข่าวสารต่างๆได้ทุกเมื่อที่มีการร้องขอเพื่อดึงข้อมูล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็เป็นอะไรก็ได้ อาจจะเป็นข่าวสาร งานด้านการค้าขาย วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สารคดี แต่ในทางปฏิบัติ การนำเอาข้อมูลจำพวกสื่อลามก อนาจาร ข้อมูลที่จะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงก็สามารถนำมาแสดงผลงานกันได้ แต่เหตุใดสิ่งที่ผิดต่อศีลธรรมเหล่านี้ยังสามารถยืนยงคงกระพันอยู่ได้ ก็เพราะว่า ไม่มีผู้ใดบน Internet ที่สามารถตัดการเชื่อมต่อข้อมูลเหล่านี้ออกไปได้
"ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดใจในหลายโรงเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา คือนักเรียนกลุ่มหนึ่งได้นำเอาปืนไรเฟิลมากราดยิงเพื่อนนักเรียนในโรงเรียน นอกจากนั้นยังทำระเบิดไว้พร้อมที่จะทำลายโรงเรียนทั้งหลังได้ ข้อมูลที่นักเรียนเหล่านั้นได้มาก็คือ Internet ที่ทำหน้าที่สอนวิชาให้กับเด็ก เหล่านี้"การดูแล (ไม่สามารถแก้ไขได้หรอกนะ) คือ การเอาใจใส่และมีจิตสำนึกเมื่อได้ใช้งานบนระบบ Internet ข้อมูลที่ผิดต่อศีลธรรมหลายอย่างที่ไม่เหมาะในการจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันจะไม่ปรากฏขึ้น เมื่อเราไม่ได้ไปเปิดอ่านมัน สำหรับผู้ปกครอง ครู อาจารย์ ก็ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลการเรียนรู้ของเด็กๆ ของท่าน เพื่อที่คนในปกครองของท่าน จะได้รับประโยชน์ในทางดีจากระบบ Internet (ในคราวหน้า อาจจะเขียนเรื่อง Internet กับเยาวชนนะ) ซึ่งอาจจะเป็นในทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเราจะกล่าวถึงวิธีการเหล่านี้ในโอกาสต่อไป
หากจะกล่าวว่า เราจะไม่อยากพบกับเหตุการณ์เหล่านี้ เราก็อย่าไปใช้งาน Internet เสียซี หากได้รับคำต่อว่านี้ก็ขอเชิญท่านไปปลูกบ้านอยู่ในป่าเขาลำเนาไพรได้ เพราะสื่อด้าน Internet นั้น เป็นรูปแบบการสื่อสาร ข้อมูล และความรู้แบบใหม่ที่อาจจะทิ้งไม่ได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับว่า เราจะใช้งานมันได้อย่างถูกต้องหรือไม่
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ผู้ใช้งาน Internet ควรจะทราบก็คือ รูปแบบในการค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วที่สุด ในข้อนี้อาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ใช้แต่ละคน และ การรับข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในวงการ Computer และ Internet บ้างสำหรับผู้ที่ใช้งานเป็นประจำ เพราะส่วนนี้จะเป็นการเตือน หรือบอกกล่าวเราล่วงหน้าถึงรูปแบบของอาชญากรรมแปลกๆ ข้อมูลอันตรายต่างๆ เช่น Virus, Trojan เพื่อป้องกันตัวเองจากระบบอันยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ ถ้าหากเราป้องกันตนเองได้ เราก็จะประหยัดเวลา ประหยัดเงิน แทนที่จะต้องมาเสียไปกับการซ่อมคอมพิวเตอร์ การลงโปรแกรมใหม่ได้
สุดท้ายนี้ ก็อาจจะกล่าวได้ว่า เราสามารถใช้งานและมีอิสระเสรีภาพ และเป็นส่วนตัวบนระบบ Internet ได้ หากเรารู้จักใช้ รู้จักคิด และมีศีลธรรม เราไม่สามารถหยุดยั้งพวกที่คอยจะทำลายผู้อื่นได้ แต่เราสามารถป้องกันคนเหล่านั้นได้ บน Internet ไม่มีกฎหมายลงโทษกับผู้กระทำความผิด ไม่มีการฟ้องร้องกล่าวหากันง่ายๆ Internet ก็อาจจะบอกได้ว่า เป็นโลกอีกโลกหนึ่งที่ช่วยนำพาความก้าวหน้า และทำลายโลกปกติที่เราอาศัยอยู่ การปลูกจิตสำนึกที่ดีต่อชีวิต ก็เป็นส่วนที่อาจจะต้องทำต่อไป แม้โลกมนุษย์จะก้าวหน้าไปสักเพียงใดก็ตาม
Mr. Jing Jun(02/06/1999)
This articles is the parts of Netzine (1999) Archived