12 July 2013

ยา ไม่ได้แก้โรค?

Images by mk2010
ปัจจัยสี่ของความเป็นมนุษย์ ก็ต้องมีเรื่องของยารักษาโรคอยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเราเด็กๆแล้วเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย แม่ก็ต้องบอกว่า "กินยานี่สิจะได้หาย" หรือในระยะหลังๆ ก็จะได้ยินคำว่า "ยาฆ่าเชื้อ" เมื่อฟังแล้วก็รู้สึกดี เพราะกินแล้วเชื้อโรคตายแล้วเราก็จะหายป่วย หรือพวกประเภท "ยาแก้ปวด" ก็ช่วยให้อาหารปวดเหล่านั้นมันหายไปได้ หรือยาสมัยใหม่นี่มันดีขนาดนี้เชียวรึ

ถ้ากินยามาบ่อยๆ จนได้ข้อสังเกตุบนสลากยา เราเพิ่งตระหนักได้ว่า การกินยาแต่ละตัว ไม่ได้รักษาตัวเชื้อโรค แต่มันเป็นการแก้ไขที่ตัวของเราเองเพื่อรักษาโรคต่างหาก ตัวอย่างของอาการของโรคพื้นๆ ตัวอย่างเช่น

ถ้าเราเป็นหวัด ยาที่รักษาได้ชะงัก เช่น Pseudoephedrine (ซูโดเอฟริดีน) หรือ อาจจะเป็นยาลดอาการของไข้หวัด พวก ดีคอลเจน, ทิฟฟี่ ตัวยาเป็นการช่วย "บรรเทาอาการของไข้หวัด" เพราะไม่มียาประเภทใดสามารถ "ฆ่าเชื้อหวัด" ได้ ดังนั้น คนที่รักษาไข้หวัดจริงๆ ก็คือตัวเราเอง และยาเป็นเพียงการช่วยลดผลกระทบจากอาการของการเป็นหวัดเท่านั้นเอง

การปวดหัว การปวดกล้ามเนื้อ กลุ่มยาประเภท Paracetamol ถ้าแรงหน่อยก็เป็นพวก Ibuprofen (ไอบูโพรเฟน) ที่เราเข้าใจกันว่า "แก้ปวด" นั้น ไม่ได้เป็นการแก้ที่อาการปวด แต่ตัวยา เป็นการยกระดับความสามารถของร่างกายเราให้ "รับอาการปวดได้มากขึ้น" ดังนั้น การกินยาแก้ปวดก็เป็นเพียงการปกปิดอาการปวดเอาไว้ ซึ่งไม่ได้หายปวดจริงๆ

อีกกลุ่มที่รักษาโรคพื้นๆ ก็คือ "ยาฆ่าเชื้อ" เพราะยาที่เราทานเข้าไป ไม่ได้ทำการฆ่าเชื้อโรคโดยตรงเหมือนกันเทแอลกอฮอล์ใส่แผล แต่ยาฆ่าเชื้อประเภท Antibiotic ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Ammoxycilin (แอมมอคซีซิลิน) หรือ Norfloxacin (นอร์ฟลอคซาซิน) เป็นตัวยาที่ช่วย "ยับยั้งการแพร่เชื้อ" ในท้ายที่สุด ร่างกายของเราจะเป็นคนปรับสมดุลของแบคทีเรียต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทางด้วยตัวเอง

ดังนั้น การใช้ยาของเราทุกวันนี้ "ไม่ได้เป็นการรักษาหรือแก้ไขให้โรคหายไป" แต่เป็นการ "ควบคุมเหตุของการเกิดโรค" เพื่อให้ร่างกายจัดการกับโรคภัยไข้เจ็บในทางที่ดีขึ้นได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การปฏิบัติตัวเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยให้ดี ไม่ใช่ว่ากินยาแล้วจะต้องหายแล้วจะทำตัวอย่างไรก็ได้ อีกต้องมีการเลือกใช้ยาให้พอดีและเหมาะสมกับอาการของโรคที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมอีกด้วย

Written by Tiwakorn Laophulsuk

No comments:

Post a Comment

Give a comment ...