13 May 2014

เสรีภาพทางการเมืองของคนไทย

ในแต่ละปี จะมีไม่น้อยกว่า 3 เดือนที่ในเมืองสำคัญๆ จะมีหน่วยงานราชการหรือไม่ก็ถนนหนทางถูกม็อบประกาศปิดไป ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาก็แล้วแต่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่ต้องการจะพลิกขั้วอำนาจ ก็จะเป็นหน้าที่ของมวลชนในการเข้ามากดดันรัฐบาลในแต่ละสมัยก็ว่ากันไป

สิ่งที่ผู้ชุมนุมทุกสีเสื้อทำได้ในทุกวันนี้ก็คือ การเสนอข้อเรียกร้อง การสร้างเงื่อนไขทางการเมืองที่ทำให้อีกฝ่าย (โดยมากจะเป็นการกดดันรัฐบาล) ที่มีข้อต่อรองให้ทางผู้ก่อหวอดการชุมนุมประท้วงเป็นไปในแนวทางที่ได้เปรียบ ซึ่งผลลัพธ์ที่ผ่านมาในแต่ละครั้งถ้าไม่ใช่ความรุนแรง ก็จะเป็นรูปแบบของการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

Red Shirt Protest [Image Huffpost]
Red Shirt Protest [Image Huffpost]
เมื่อมองไปยังประเทศอื่นๆ เหตุการณ์ที่ประชาชนหรือฝ่ายตรงข้ามต้องออกมาเรียกร้องตั้งเงื่อนไขก็มีอยู่ทั่วไป ทั้งในเอเชียด้วยกันเอง, ตะวันออกกลาง, และยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆตามรูปแบบการปกครองในระบอบนี้ จะมีแค่บางประเทศที่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นประชาชนอย่างสุดโต่งบางประเทศเท่านั้นที่ปิดหูปิดตาหรือ Censor การพูดของประชาชนอยู่

แต่ถ้าไปเทียบกับประเทศที่มีเสรีภาพสูงๆ อย่างสหรัฐฯ ที่มีประชากรที่มากมาย ถ้าจะตั้งคำถามว่าเขารับมือกับความเห็นที่แตกต่างและการแย่งขั้วอำนาจกันได้อย่างไร คำตอบคงอยู่ในตัวเองแล้วเพราะการบริหารของประเทศนั้นเป็นรูปแบบของสาธารณรัฐ ซึ่งแตกต่างจากของประเทศไทยเราเองที่เป็นรัฐเดียว การออกแบบนโยบายเพื่อรองรับความต้องการของคน 70 ล้านคนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ แตกต่างจากระบอบสาธารณรัฐที่การออกกฎหมายให้สิทธิในแต่ละรัฐสามารถออกกฎหมายได้แตกต่างกันเพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่

นั่นเป็นคำตอบที่เราควรจะมีความพอใจในสถานะปัจจุบัน ที่ประชาชนแบบเราๆท่านๆ สามารถจัดตั้งม็อบเพื่อลุยกับรัฐบาลที่ไม่ชอบหน้ากันได้อย่างมีเสรีมากที่สุดแล้ว อีกทั้งไม่โดนปิดปากมากจนเกินไป จึงเป็นบทสรุปสถานะของเราตอนนี้ว่า อยู่ในรูปแบบที่เหมาะที่ควรของความเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เว้นเสียแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนระบบการปกครองเท่านั้นจึงจะทำให้ความเป็น Liberal ของคนไทยลดลง

Written by Tiwakorn Laophulsuk

No comments:

Post a Comment

Give a comment ...