แต่สำหรับคนที่ทำงานกินเงินเดือนที่สามารถคิดเผื่อผู้ประกอบการนั้นช่างหาได้น้อยนัก สำหรับเจ้าของกิจการนั้น ถ้าเจอลูกน้องแบบนี้แล้วควรจะเก็บเขาไว้ให้นานที่สุด
1) จิตอาสา พยายามขอแบ่งงานเมื่อตนเองว่างเสมอ แม้ว่าจะชิวไปเล่น Facebook ได้ หรืออาสาทำงานในหน้าที่ของคนอื่นเมื่อตนเองว่างเว้นจากงานปกติ
2) Optimize คิดให้ธุรกิจสามารถทำงานแบบลดต้นทุนได้โดยมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถคิดแทนผู้ประกอบการในทางเลือกที่ดีในการจ่ายเงิน ที่สามารถช่วยหาทางเลือกในการจ่ายน้อยลงในระหว่างที่ให้ผลการทำงานดีเช่นเดิม
3) Prioritize ลูกน้องที่จัดลำดับความสำคัญของงานได้ตรงใจนายจ้าง สามารถเข้าใจแนวคิดของธุรกิจเพื่อนำมาปรับใช้ในการตัดสินใจด้วยตนเองที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายภาระการตัดสินใจจากผู้บริหารได้มากโข
4) ยก Solution มากกว่าการยกปัญหา เมื่อสอบถามข้อมูลใดๆแล้วคำตอบที่ได้จะหยิบยกเป็นแนวทางหรือทางเลือกในการแก้ไขปัญหาเสมอ เพราะจะเป็นเรื่องง่ายกว่าถ้าการทำงานแล้วเลือกกล่าวโทษสิ่งแวดล้อมหรือแผนกงานอื่นๆ แต่สำหรับ Super Salary Man แล้วจะเลือกมุ่งหน้าสู่การแก้ไขปัญหาไปเลย
5) บริหารชีวิตส่วนตัวดี มีปัญหาชีวิตน้อย ปัญหาการป่วยบ่อย, ญาติเสีย, หมาที่บ้านขาหัก, ลูกเข้าโรงพยาบาล จะได้ยินไม่บ่อยนักจาก Super Salary Man เพราะการบริหารจัดการที่บ้านสามารถทำได้ดีมีสมดุล
6) Active เสมอ แม้ Super Salary Man จะไม่ใช่เป็นคนทำงานตลอดเวล่า 24 ชั่วโมง แต่ในกรอบการทำงานสามารถทำงานได้เต็มที่ และรู้จักการผ่อนสั้นผ่อนยาวและทำงานอย่างมีพลังอยู่เสมอ
7) การสื่อสารดี มีความรู้จักบอกหรือสอบถามเมื่อมีเรื่องขัดข้อง และ update เรื่องต่างๆที่สมควรให้ผู้บริหารรับทราบอย่างดี และเหมาะสม
เช่นเดียวกันถ้าอยากได้ลูกน้องที่ดีแบบนี้ ก็ต้องเป็นเจ้านายที่ดีด้วย เพราะมนุษย์เงินเดือนที่จะทำเผื่อธุรกิจนั้นหาได้น้อยอย่างยิ่งในโลกการทำงานในทุกวันนี้
Written by Tiwakorn Laophulsuk
No comments:
Post a Comment
Give a comment ...