30 December 2013

Peaceful ศรีสะเกษ

เสียงนกร้องยามเช้า เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยการที่รอบบ้านมีต้นไม้ใบหนาทำให้แสงแดดตอนเช้าไม่ได้สว่างมากนัก อากาศในช่วงใกล้ปีใหม่ที่เย็นแบบไม่หนาวทำให้ไม่ต้องเสียค่าไฟเปิดแอร์ก็ได้ในหลายคืน

Morning in City of Si Sa Ket
Image from ของดี เมืองศรีสะเกษ Facebook page
มอร์เตอร์ไซค์เริ่มวิ่งบนท้องถนนเป็นระยะ แสดงให้เห็นว่าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว วันนี้มีภาระกิจที่จะต้องไปธนาคาร, ซื้อของ, ต่อทะเบียนรถยนต์ และแวะไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านก่อน

ภาระกิจที่ไม่ต้องรีบร้อนในช่วงเวลาอาหารเช้า เราสามารถทำธุระส่วนตัวในบ้านตลอดทั้งเช้า เพื่อให้ถึงเวลา 9.20 น. จึงค่อยเริ่มออกเดินทางไปธนาคาร แย่หน่อยที่ประตูธนาคารยังไม่เปิดตอน 9 โมงครึ่ง เพราะใช้เวลาเดินทางน้อยไปหน่อย เข้าไปในธนาคารเพียงแค่ 15 นาทีก็ทำธุรกรรมเสร็จ

ออกจากธนาคารใช้เวลาอีกซัก 2-3 นาที ก็จะมาถึงตลาดกลางเมือง แม้ว่าจะใช้เวลาหาที่จอดรถนานไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลาอะไร เมื่อเลือกของได้เต็มที่โดยตั้งใจว่าจะต้องซื้อผลไม้บางส่วนไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ ประมาณ 10.15 น. ก็ซื้อของเสร็จ และเดินทางต่อไปยังสำนักงานขนส่งทางบกที่ต้องออกขับรถออกไปชานเมือง

ระยะทางที่ไกลพอสมควร ต้องใช้เวลาถึง 15 นาทีจึงจะถึง กับการต่ออายุทะเบียนรถที่ต้องใช้เวลานั่งรอนานมากกว่าการเดินทางพอสมควร กว่าจะเสร็จก็เกือบ 11 โมง

บ้านของผู้ใหญ่ที่จะต้องแวะไปหาอยู่อีกด้านหนึ่งของตัวเมือง ต้องขับรถนานถึง 20 นาที แต่ด้วยความเคารพและคุ้นเคยทางเจ้าบ้านจึงรบเร้าให้ทานอาหารเที่ยงด้วยกันอย่างเสียไม่ได้

เป็นเวลาเที่ยงกว่า แต่แปลกจังที่เพียงแค่ค่อนวันเช้าเราสามารถเดินทางไปทำธุระสำคัญต่างๆได้ถึง 4 ที่ ก่อนกลับบ้านจึงต้องแวะร้าน 7-11 ซึ่งมันใกล้เกินไปจึงต้องเอารถมาจอดที่บ้านและเดินไปซื้อขนมกินซักหน่อย เพียงแค่ 5 นาทีก็สามารถเดินไปกลับจากที่บ้านได้ เมื่อถึงเวลาตอนบ่ายที่มีอีกเหลือเฟือทำให้ยังมีเวลาพัก หรือทำงานที่คั่งค้างโดยแบกมาจากกรุงเทพฯ

ในช่วงกลางฤดูหนาว อากาศเย็นและแสงแดดที่หมดเร็ว ถนนหนทางก็จะค่อยๆเงียบลง จะมีเพียงวัยรุ่นใช้จักรยานยนต์ขับขี่ไปตามท้องถนนนานๆครั้ง การได้มีโอกาสนอนตั้งแต่หัวค่ำเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ทำมาเป็นปี

ที่แห่งนี้คือจังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นจังหวัดเล็กๆ เพื่อคนอื่นๆได้ใช้เป็นทางผ่าน แต่ชีวิตแบบนี้แหละคือสิ่งที่สร้างไม่ได้เพราะเรามัวแต่ใช้ชีวิตตามวิถีแห่งเมืองกรุง

Written by Tiwakorn Laophulsuk

No comments:

Post a Comment

Give a comment ...